ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมาสทริชท์ เปิดตัวไวท์เปเปอร์ฉบับล่าสุด “Global Expansion Simplified: The Ultimate Guide for SMEs” คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตลาดสากล โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก
เนื้อหาสำคัญของไวท์เปเปอร์
ไวท์เปเปอร์ฉบับนี้นำเสนอข้อมูลและแนวทางที่จำเป็นสำหรับ SMEs ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ รวมถึงวิธีการเตรียมตัวเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ โดยเน้น 9 หัวข้อสำคัญ เช่น การวิจัยตลาดเชิงลึก การพัฒนาความฉลาดทางวัฒนธรรม (Cultural Intelligence – CQ) การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และการจัดการซัพพลายเชน
Michiel Greeven รองประธานบริหารฝ่ายการค้าระดับโลกของ DHL Express อธิบายว่า การขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศเปิดโอกาสให้ SMEs ได้เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ กระจายแหล่งรายได้ และพัฒนาความยืดหยุ่นของธุรกิจ “ไวท์เปเปอร์ของเราเป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายและเป็นประโยชน์สำหรับ SMEs เพื่อให้พวกเขาพร้อมสำหรับความท้าทายของตลาดโลก และสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืน”
Roy Broersma กรรมการผู้จัดการศูนย์นวัตกรรมและผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยมาสทริชท์ กล่าวเสริมว่า การเติบโตในระดับนานาชาติต้องเริ่มต้นด้วยการวางแผนที่รอบคอบและการพัฒนากลยุทธ์ที่ชัดเจน ไวท์เปเปอร์ฉบับนี้จะช่วยให้ SMEs ได้รับข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือที่จำเป็นต่อการเติบโตในตลาดโลก
ประเทศไทย: ศูนย์กลางยุทธศาสตร์ในอาเซียน
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงสำหรับ SMEs ที่ต้องการขยายตลาดสู่สากล ด้วยตำแหน่งที่ตั้งใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 660 ล้านคน นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และการขนส่งของไทยยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Bangkok Hub ของ DHL Express ที่เชื่อมโยงประเทศไทยกับกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 66.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 โดยอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศคิดเป็น 30% ของตลาดทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยสามารถคว้าไว้
เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ DHL Express ประเทศไทย ชี้ว่า “นอกจากตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน SMEs ไทยควรมองหาตลาดที่กำลังเติบโต เช่น ตะวันออกกลาง ซึ่งมีการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (CEPA) กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และละตินอเมริกา ซึ่งประชากรเข้าสู่ชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการสินค้าบริโภคและบริการขยายตัว”
สินค้าส่งออกเด่นของไทย
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปตะวันออกกลาง ได้แก่ อาหารแปรรูป (+43.94%) ผลิตภัณฑ์ความงามและสกินแคร์ (+34.52%) และผลิตภัณฑ์ยาง (+13.15%) ขณะที่ในละตินอเมริกา สินค้าส่งออกที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ เส้นด้ายและเส้นใยสังเคราะห์ (+91.46%) ชิ้นส่วนยานพาหนะ (+62.85%) และอาหารสัตว์ (+16.34%)
เริ่มต้นก้าวแรกสู่ตลาดโลก
สำหรับ SMEs ไทยที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ การดาวน์โหลดไวท์เปเปอร์ “Global Expansion Simplified” ผ่านเว็บไซต์ DHL Express จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ด้วยข้อมูลและเครื่องมือที่ครบถ้วนสำหรับการเริ่มต้นในตลาดสากล