บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยผลวิจัยแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ในงานสัมมนาออนไลน์ Knight Frank Foresight 2025: Collaboration พบว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในแต่ละเซกเตอร์
คอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงาน ยังคงเผชิญภาวะซัพพลายล้นตลาด โดยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 มีคอนโดฯ ใหม่เข้าสู่ตลาดราว 9,800 ยูนิต เพิ่มขึ้นกว่า 360% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ยอดขายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 9.9% ทำให้สัดส่วนยอดขายรวมอยู่ที่ 35% ซึ่งต่ำกว่าระดับสุขภาพดีที่ 40% ทั้งนี้ คอนโดฯ หรูระดับ Prime และ Super Prime ยังคงได้รับความสนใจโดยมียอดขายเกิน 80% ขณะที่แนวโน้มตลาดอาคารสำนักงานยังเป็น “ตลาดของผู้เช่า” เนื่องจากมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อัตราการเข้าพื้นที่เช่าลดลงอยู่ที่ 77% และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องจนถึงปี 2570 ก่อนเข้าสู่ภาวะสมดุล
ภาคโรงแรม เติบโตต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5 ล้านคน และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 36-40 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ตลาดโรงแรมต้องเผชิญการแข่งขันจากที่พักทางเลือก เช่น Airbnb และเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ รวมถึงผลกระทบจากภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ
ภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ยังคงเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตสูงสุด โดยยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมแตะ 12,340 ไร่ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกว่า 64% ของธุรกรรมเกิดขึ้นในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 40% คิดเป็นมูลค่า 746,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างเด่นชัด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และศูนย์ข้อมูล (Data Centers)
ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ระบุว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 จะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยผู้พัฒนาโครงการต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านการบริหารอุปทาน การพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการอสังหาฯ ในทุกเซกเตอร์