มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้างชื่อเสียงระดับโลกอีกครั้ง หลังคว้าอันดับ 4 ของโลก และอันดับ 1 ของประเทศไทย ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยด้านเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (THE Impact Rankings 2025) ในหมวด SDG16: Peace, Justice and Strong Institutions (สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง) จากการประเมินสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลกกว่า 1,214 แห่ง
ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของธรรมศาสตร์ในฐานะ “ศูนย์กลางความรู้เพื่อสังคมยุติธรรม” ซึ่งขับเคลื่อนงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดย ผศ.ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์ SDG Move และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพและความยั่งยืน ได้เปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จไว้ดังนี้
การทำงานเชิงระบบเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
ธรรมศาสตร์โดดเด่นในหลายมิติ โดยเฉพาะการนำองค์ความรู้ทางวิชาการไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเห็นได้จาก:
- คะแนนเต็ม 100 ในหมวด “การทำงานร่วมกับภาครัฐ” (Working with government): แสดงให้เห็นว่างานวิจัยและองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยถูกนำไปใช้ในเวทีนโยบายอย่างสม่ำเสมอ โดยมีคณาจารย์และนักวิจัยกว่า 70 คน ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาแก่ภาครัฐ และมีโครงการวิจัยเชิงนโยบายร่วมกับหน่วยงานรัฐถึง 125 โครงการในปีเดียว
- งานวิจัยที่ทรงพลัง: มหาวิทยาลัยผลิตงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคมอย่างแท้จริง เช่น งานวิจัยเรื่องความรุนแรงในสถานศึกษา ซึ่งนำไปสู่การจัดทำนโยบายและคู่มือป้องกันความรุนแรง หรือการศึกษาเชิงลึกเรื่องสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ของสตรีกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเปิดเผยปัญหาความไม่เท่าเทียมในระบบสาธารณสุข และเป็นที่สนใจจากเวทีนานาชาติ โดยงานวิจัยด้านสันติภาพและความยุติธรรมนี้ได้รับคะแนนสูงถึง 84.8 จาก 100
หล่อหลอม “ความยุติธรรม” ในทุกศาสตร์
ผศ.ชล บุนนาค อธิบายว่า ธรรมศาสตร์ไม่ได้จำกัดแนวคิดเรื่องความยุติธรรมไว้เพียงแค่คณะนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ แต่ได้บูรณาการแนวคิดนี้เข้าสู่ทุกศาสตร์ในมหาวิทยาลัย เช่น:
- คณะพยาบาลศาสตร์: เน้นสิทธิมนุษยชนในระบบสุขภาพและการเข้าถึงบริการที่เท่าเทียม
- คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา: ศึกษาและวิเคราะห์โครงสร้างสังคมเพื่อตีแผ่ความเหลื่อมล้ำ
- คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี: ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อสังคมและกลไกตลาดที่เป็นธรรม
การทำงานแบบสหวิทยาการเช่นนี้ทำให้ธรรมศาสตร์เป็น “พื้นที่กลาง” ที่เชื่อมโยงความรู้จากหลากหลายศาสตร์เพื่อสร้างรากฐานของสังคมที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยได้กระจายตัวไปทำงานในหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ นักกิจกรรม และนักนโยบาย ซึ่งสะท้อนถึงการบ่มเพาะพลเมืองรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นเพื่อสังคม
ยืนหยัดในอุดมการณ์เสรีภาพทางวิชาการ
ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลจากวัฒนธรรมองค์กรที่หยั่งรากลึกมาอย่างยาวนานในการยืนหยัดเพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม ซึ่งธรรมศาสตร์ได้ประกาศจุดยืน Academic Freedom เพื่อตอกย้ำพันธกิจหลักในการเป็นสถาบันที่ยึดมั่นในเสรีภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง โดยได้รับคะแนนด้าน University Governance Measures สูงถึง 93.8 จาก 100 ซึ่งครอบคลุมถึงการมีส่วนร่วม ความเท่าเทียม และการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
การที่ธรรมศาสตร์ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์และทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในกระแสสังคมหรือไม่ ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นสถาบันชั้นนำระดับโลก และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยุติธรรมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังได้อย่างแท้จริง
มธ.-SCG ปั้น “Possibilities Space” ฝึกงานยุคใหม่ แก้โจทย์ธุรกิจจริง สร้างบัณฑิตพร้อมทำงาน 100%