บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้วยการประกาศจ่าย เงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ด้วยมูลค่ารวม 6.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 125% หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังบริษัทฯ รายงานผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี (Net Profit After Tax) ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม
ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 และการทำกำไรต่อเนื่อง
ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/2568 โดยมีตัวเลขสำคัญดังนี้:
- กำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT): 1.6 พันล้านบาท (ไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันที่มีกำไรสุทธิ)
- กำไรสุทธิหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit): 4.6 พันล้านบาท (ไม่รวมผลกระทบจากรายการที่ไม่ใช่เงินสดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เช่น การด้อยค่าสินทรัพย์ 3 พันล้านบาท)
- กำไรสุทธิ 9 เดือนแรก ปี 2568: 5.2 พันล้านบาท
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) เน้นย้ำว่า การพิจารณาจ่ายปันผลครั้งนี้เป็นผลมาจากกำไรสุทธิที่ทำได้ใน 9 เดือนแรกของปี 2568 และยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงิน
EBITDA เติบโต และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัย
บริษัทฯ สามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้จากประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการควบคุมค่าใช้จ่าย:
- EBITDA: 2.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ได้แรงหนุนหลักจากการจัดสรรคลื่นความถี่และการประหยัดต้นทุนที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ: เพิ่มขึ้น 5.1 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็น 65.3%
- ลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน: ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวม D&A ลดลง 21.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยต้นทุนโครงข่ายลดลง 16.3% และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 6.2%
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นและการบริหารการเงินอย่างมีวินัย ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน
ภาพรวมรายได้และฐานลูกค้า
- รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC): 4.13 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (แต่ปรับตัวดีขึ้นทั้งรายปีและรายไตรมาส หากไม่รวมผลกระทบจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องและรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศที่ลดลง)
- รายได้รวม: ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งจากรายได้ค่าเช่าโครงข่ายที่ลดลงตามการสิ้นสุดสัญญาการใช้คลื่นความถี่ร่วมกับ NT ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568
- ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่: จำนวน 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (เป็นผลจากการลดการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานแบบหมุนเวียนและผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ)
- ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน: เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย
- ผู้ใช้บริการ 5G: จำนวน 15.5 ล้านราย
กลยุทธ์เพื่อการเติบโตในระยะยาว
ทรูฯ ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน รวมถึงการประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย และเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับการแข่งขันในระยะยาว โดยมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท (คิดเป็น 15% ของยอดขาย)