นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายข้าราชการประจำ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการยกระดับความสำคัญเรื่องการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (AFNC) ได้เฝ้าติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2568 พบข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งสิ้น 4,660 ข้อความ โดยมีข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดอันดับ 1 คือ กรณีการแชร์ข้อมูลเรื่อง Café Amazon เปิดบัญชีไลน์เพื่อให้บริกาารลูกค้า ซึ่งจากการประสานงานร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กระทรวงพลังงาน ได้รับการยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอม โดยมิจฉาชีพได้สร้างบัญชีไลน์ปลอมและแอบอ้างนำโลโก้ของ Café Amazon ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อหวังหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลหรือทรัพย์สินจากประชาชน ทาง OR ขอยืนยันว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมยังพบข้อมูลเท็จที่แพร่ระบาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีข่าวปลอมที่ต้องเฝ้าระวังเพิ่มเติม ได้แก่ การแอบอ้างชื่อเพจ หมั้น พลอาชา รับทำใบขับขี่ออนไลน์โดยไม่ต้องไปดำเนินการด้วยตนเอง การใช้ชื่อเพจ Thunhoon News ชวนลงทะเบียนเรียนหุ้นฟรีเพื่อรับวุฒิบัตร การชักชวนลงทุนหุ้นทองคำเยาวราชผ่านเพจดัชนีหุ้นไทยที่อ้างการรับรองจาก ก.ล.ต. และการแอบอ้างชื่อธนาคารออมสินร่วมกับ 16 ธนาคารปล่อยกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TikTok ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลเท็จที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์ยังมีข่าวจริงที่ประชาชนควรทราบเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้แก่ ข่าวสำนักงาน ปปง. ดำเนินการยึดเรือยอชต์พร้อมอุปกรณ์มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นขยายผลเชื่อมโยงถึงเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ และข่าวการแจ้งพลเรือนในพื้นที่ชายแดนสามารถกลับเข้าที่พักอาศัยและประกอบอาชีพได้ตามปกติ
กระทรวงดีอี มีความห่วงใยประชาชนต่อการแพร่กระจายของข่าวปลอมบนสื่อออนไลน์ ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันและส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือน อาจนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินหรือถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลได้ จึงขอความร่วมมือประชาชนให้เลือกบริโภคข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการหรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น หากพบเบาะแสการกระทำความผิดหรือข้อความสงสัย สามารถแจ้งตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com หรือสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ตลอด 24 ชั่วโมง