ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่คุกคามสุขภาพของคนไทยกำลังจะถูกจัดการด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย บริษัท กรีนไอโอ (GreenIO) ผู้นำด้านโซลูชัน AIoT เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ได้จับมือกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรเต็ด (Qualcomm Incorporated) เปิดตัวโครงการ “ตรวจจับมลพิษทางอากาศด้วยเครือข่าย AI อัจฉริยะ” เพื่อใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเกราะป้องกันลมหายใจของประชาชน
เทคโนโลยี “AI On-Device” เปลี่ยนเกมวัดมลพิษ
ความร่วมมือครั้งนี้ได้ยกระดับการตรวจวัดมลพิษไปอีกขั้น ด้วยการผสานเทคโนโลยี AI บนอุปกรณ์ (On-Device AI) ขั้นสูงของ Qualcomm Technologies เข้ากับเครือข่ายเซนเซอร์อัจฉริยะ กล้อง และโดรนของกรีนไอโอ ทำให้สามารถ ตรวจจับคุณภาพอากาศและควันไฟได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์
- ตรวจจับแม่นยำ: AI ที่ประมวลผลบนอุปกรณ์โดยตรง (AI Smart-edge Network) ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลมลพิษ PM2.5 และควันไฟมีความรวดเร็วและแม่นยำสูง
- แจ้งเตือนทันที: เมื่อระดับ PM2.5 เกินเกณฑ์ ระบบจะสร้างการ แจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ผ่านแดชบอร์ดเฉพาะกิจ และแสดงผลบนหน้าจอในตัวอุปกรณ์เซนเซอร์ ทำให้โรงพยาบาล โรงเรียน และพื้นที่สาธารณะสามารถบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ข้อมูลเพื่อการกำหนดนโยบายและเมืองอัจฉริยะ
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Qualcomm® Wireless Reach™ ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกที่ใช้เทคโนโลยีไร้สายเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคม โดยมุ่งเน้นที่การนำ ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ที่เชื่อถือได้มาใช้สนับสนุนการกำหนดนโยบายที่ถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น
คุณ Sharon Alalouf หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ควอลคอมม์ฯ กล่าวว่า เทคโนโลยี AI บนอุปกรณ์นี้กำลังสร้างประโยชน์ที่แท้จริงต่อสุขภาพและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และวางรากฐานสำหรับการออกนโยบายที่แม่นยำในอนาคต
ด้าน คุณอิทธิชัย ภูมิศิริวิไล กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท กรีนไอโอ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดไปแล้วกว่า 200 ชุด ใน 10 จังหวัด ครอบคลุมประชากรมากกว่า 200,000 คน โดยเปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง ความมุ่งมั่นนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) โรงพยาบาล และโรงเรียนทั่วประเทศ
ขยายผลสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ
ในอนาคต กรีนไอโอมุ่งมั่นที่จะขยายโมเดลนี้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยในโรงเรียน พร้อมทั้งยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้าน นวัตกรรม AI บนอุปกรณ์
ไม่เพียงแค่คุณภาพอากาศเท่านั้น ความร่วมมือครั้งนี้ยังต่อยอดไปสู่การประยุกต์ใช้ AI บนอุปกรณ์ในมิติอื่น ๆ เช่น การพัฒนาระบบนำทางสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันกว้างไกลของ AI ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในหลากหลายภาคส่วน
นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยี AIoT ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอนาคต แต่กำลังเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วนที่สุดของประเทศไทยในวันนี้ เพื่อสร้าง อากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและหัวใจของการมีชีวิตที่ดีสำหรับคนไทยทุกคน
