Lily Pharma ผลิตปุ๋ยน้ำนาโน N P K เพื่อลดปัญหา Climate Change มาเลเซียขอร่วมทุนตั้งโรงงานทันที

Share

 นายสุรพล เพชรวรา อุปนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ให้สัมภาษณ์ว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายส่งเสริมการถ่ายทอด Technical Khow How จากมหาวิทยาลัย ไปสู่ภาคเอกชน เพื่อนำออกสู่อุตสาหกรรม ด้วยการทำวิจัยและพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องใช้องค์ความรู้ชั้นสูง พร้อมทั้งออกแบบและผลิตเครื่องจักรที่ต้องใช้ในอุตสาหกรรมนั้นให้กับภาคเอกชนที่ต้องการนำไปผลิตและทำการตลาด เพราะเราเชื่อว่าภาคเอกชนมีความชำนาญมากกว่าที่เราจะทำเองทุกอย่าง มหาวิทยาลัยได้มุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดงานวิจัยและพัฒนาไปสู่ระดับโลก เราจึงได้คัดเลือกผู้ประกอบการประเทศมาเลเซียมาร่วมทุนก่อตั้ง Holding company ปุ๋ยน้ำนาโนซึ่งเป็นการถือหุ้นระหว่าง Lily Pharma จำนวนหุ้น 40% กับ Einstein Nanoscience Sdn. Bhd. จำนวนหุ้น 60% โดยจะตั้งโรงงานผลิตที่รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย

ทางด้าน รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวถึงนโยบายการตั้ง Startup แนวใหม่ เพื่อให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าแบบเดิมว่า เราคัดเลือกบริษัทเอกชนที่มีความสามารถในด้านการจัดการและเข้าใจในเทคโนโลยี เช่น Biotech โดยการจัดตั้ง Holding company ที่ บ. มิสลิลลี่ จำกัด ถือหุ้น 51% มหาวิทยาลัยถือหุ้น 49% โดย Holding company นี้ จะไปจัดตั้งบริษัท Startup เพื่อดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดตั้งห้องปฏิบัติการในมหาวิทยาลัยโดยมีนักวิจัยที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกเป็นผู้ทำงานวิจัยตั้งแต่ต้นจนออกสู่ผลิตภัณฑ์ ส่วนมหาวิทยาลัยมีบทบาทในการสนับสนุน ให้คำปรึกษาพร้อมอำนวยความสะดวกในการใช้เครื่องมือต่างๆ และการทดสอบทางวิชาการ และเมื่อเราจะขยายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรม ทางบริษัท Startup จะเป็นผู้วิจัยประดิษฐ์เครื่องจักรในการผลิตพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชนที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมนั้นๆได้ทันที โดยที่เราเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ทำงานวิจัยสู่อุตสาหกรรมแบบสำเร็จรูป และเข้าร่วมถือหุ้นในโครงการนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องให้กับภาคเอกชน

ดร.นพรัตน์ อินทร์วิเศษ Chief R&D Officer ของ Lily Pharma กล่าวถึงเรื่องการใช้ปุ๋ยเม็ดมีการสูญเสียธาตุอาหารไปในอากาศ น้ำ และ ดิน ซึ่งธาตุไนโตรเจน (N) ประมาณ 60-70% ส่วน ฟอสฟอรัส (P) และ โพแทสเซียม (K) สูญเสียถึง 80% ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่ออากาศ น้ำ และ ดิน นอกจากนี้ ในการผลิตปุ๋ยยูเรียจำเป็นต้องใช้แอมโมเนีย ในการผลิตต้องใช้พลังงานสูงและมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จำนวน 1.8% ของปริมาณทั้งโลก (Royal Society) และการใส่ปุ๋ยยูเรีย จุลินทรีย์ในดินจะทำการย่อยแล้วทำให้เกิดก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ปล่อยขึ้นสู่อากาศประมาณ 312 ล้านเมตริกตันต่อปี (EPA greenhouse gas explorer) และทั่วโลกมีนโยบายที่จะลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง 20%

เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เราจึงมีแนวคิดที่จะผลิตตปุ๋ยน้ำนาโนที่ลดการใช้ธาตุ N P Kและอยู่ในดินได้นานแม้อยู่ในสภาวะที่อากาศร้อนมาก โดยมี Nano Chitosan เป็นตัวอุ้มธาตุอาหารไว้ และพืชสามารถนำปุ๋ยน้ำนาโนไปใช้เมื่อต้องการ เราเรียกว่า On Demand Fertilizer ซึ่งจะแตกต่างกับปุ๋ยเม็ดแบบ Slow release ที่ปล่อยออกมาอย่างช้าๆ ตลอดเวลา แม้พืชไม่ได้ต้องการก็ตาม ดังนั้นเราจึงเป็นประเทศแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีนี้

นอกจากนี้ ผศ.ดร. จิรวัฒน์ สนิทชน อาจารย์สาขาพืชไร่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำการวิจัยเพื่อทดสอบการเจริญเติบโตของข้าวพันธุ์ มข-60-1 ระหว่างปุ๋ยน้ำนาโน Nitrogen ของ Lily Pharma และปุ๋ยเม็ดยูเรียในแปลงทดลอง พบว่า การใช้ปุ๋ยน้ำนาโน Nitrogen ในอัตรา 0.66 Kg N/ไร่ สามารถส่งเสริมศักยภาพด้านลักษณะทางการเกษตร เช่น จำนวนหน่อต่อต้น ความสูงต้น ความยาวรวง ค่าดัชนีการเก็บเกี่ยว น้ำหนัก 1000 เมล็ด ขนาดเมล็ด และความหอมของข้าวไม่แตกต่างจากการใช้เม็ดปุ๋ยยูเรียที่ 9.2 Kg N/ไร่ ซึ่งเป็นการใช้ปุ๋ยน้ำนาโน Nitrogen น้อยกว่าปุ๋ยเม็ดยูเรียถึง 14 เท่า

ผศ.ดร. ชานนท์ ลาภจิตร หัวหน้าภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ทำการทดสอบปุ๋ยน้ำนาโน Nitrogen ของ Lily Pharma ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากัญชง พบว่า การใช้ปุ๋ยน้ำนาโน Nitrogen ที่ความเข้มข้นของไนโตรเจน น้อยกว่าปุ๋ยเม็ด สูตร 21-0-0 ที่ 0.5 เท่าหรือครึ่งหนึ่ง ทำให้ต้นกล้ากัญชงมีความสูง ความกว้างของใบ ความยาวใบ เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น ค่าเฉลี่ยปริมาณคลอโรฟิลล์สูงกว่าการฉีดพ่นด้วยปุ๋ยเม็ดละลายน้ำ  และได้ทำการทดลองในผักสลัดเรดโอ๊คโดยใช้ระบบน้ำหยด ปลูกกลางแจ้งในเดือนมีนาคม 2567 พบว่าการใช้ปุ๋ยน้ำนาโน Nitrogen ที่ความเข้มข้นต่ำกว่าปุ๋ยเม็ดสูตร 21-0-0 ละลายน้ำ 15 เท่า ยังทำให้ต้นสลัดเรดโอ๊คมีอัตราการเจริญเติบโตได้ดีกว่าปุ๋ยเม็ดละลายน้ำ

ผู้ร่วมทุนจากประเทศมาเลเซีย คุณ Ng Kim Yun, CEO บริษัท Einstein Nanoscience Sdn Bhd ได้กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซีย “มาดานิ” ภายใต้นายกรัฐมนตรี Datuk Seri Anwar เสนอความช่วยเหลือให้กับนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นสูงอย่างเต็มที่ ซึ่งผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำนาโนนี้จะช่วยให้เกษตรกรสร้างรายได้ที่มากขึ้นเนื่องมาจากประสิทธิผลที่ดีและในราคาที่คุ้มค่า

Ng Kim Yun ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า บริษัท ของเขาซื้อ Khow how และร่วมลงทุนกับ Lily Pharma ซึ่งเราจะใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรทั้งหมดจาก Lily Pharma ส่วนวัตถุดิบเกือบทั้งหมดจัดหาในประเทศมาเลเซีย เราจะผลิตปุ๋ยน้ำนาโน N P K ครบวงจร รวมถึงธาตุอาหารเสริมที่ช่วยทำให้พืชแต่ละชนิดให้ผลผลิตที่ดีขึ้น โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10,000 ลิตรต่อวัน และสามารถเพิ่มได้ถึง 20,000 ลิตรต่อวัน

เกี่ยวกับบทบาทของบริษัทร่วมทุน Ng Kim Yun บอกว่า เราได้ตกลงกับทางฝ่ายไทย ให้มาเลเซียเป็นบริษัทแม่หรือสำนักงานใหญ่ของธุรกิจนี้ ดังนั้น ทางมาเลเซียต้องมีหน้าที่ขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยทางฝ่าย Lily Pharma ทำหน้าที่ R& D และพัฒนาเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง การลงทุนโดยรวมในครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ MYR 10 ล้าน และภายใน 3 ปี การลงทุนของกลุ่มเราจะอยู่ที่ประมาณ MYR 30 ล้าน