บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2567 ที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการ G1/61 ในอ่าวไทย พร้อมขยายการลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแอลจีเรีย ส่งผลให้มีการนำส่งรายได้ให้แก่ภาครัฐกว่า 50,450 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2567 ในอัตรา 9.625 บาทต่อหุ้น และตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2568 จำนวน 2.61 แสนล้านบาท เพื่อเพิ่มการผลิตและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในไทย รองรับความต้องการใช้พลังงานและเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ
ผลการดำเนินงานปี 2567: การเติบโตและขยายการลงทุน
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. เปิดเผยว่าปีที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) สู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน พร้อมรักษากำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง
ในต่างประเทศ ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุน 10% ในโครงการสัมปทานกาชา (Ghasha Concession Project) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งขนาดใหญ่ และคาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 และคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในปีนี้
สำหรับแอลจีเรีย ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อหุ้นทุน 34% ในบริษัท E&E Algeria Touat B.V. ซึ่งเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้นจะทำให้บริษัทถือสัดส่วนลงทุนทางอ้อมในโครงการทูอัท (Touat Project) ที่ 22.1% โครงการนี้มีการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะช่วยเพิ่มรายได้และปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้กับบริษัททันทีเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น
พัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน
ปตท.สผ. ได้พัฒนาโครงการ DigitalX เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI และ Machine Learning มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมถึงพัฒนา X.brain ซึ่งเป็น AI Engine ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะดิจิทัล (Digital Citizens) เพื่อลดระยะเวลาการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ในด้านความยั่งยืน ปตท.สผ. สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมตั้งแต่ปี 2563 ได้ประมาณ 4.08 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ผ่านโครงการลดก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน และการปรับปรุงกระบวนการผลิต พร้อมตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่า 200,000 ไร่ ภายในปี 2573 เพื่อช่วยชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
ผลประกอบการปี 2567 และการจ่ายเงินปันผล
ปตท.สผ. มีรายได้รวม 327,415 ล้านบาท (9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีกำไรสุทธิ 78,824 ล้านบาท (2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า ส่วนราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
สำหรับเงินปันผล คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2567 ที่ 9.625 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 49% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นเงินปันผลรวม 38,211 ล้านบาท โดยได้จ่ายเงินปันผลงวดแรก 4.50 บาทต่อหุ้นไปแล้ว และจะจ่ายส่วนที่เหลืออีก 5.125 บาทต่อหุ้นในวันที่ 22 เมษายน 2568 หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี
แผนลงทุนปี 2568: ขับเคลื่อนการผลิตและพลังงานสะอาด
ในปี 2568 ปตท.สผ. ตั้งงบลงทุน 261,940 ล้านบาท (7,819 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยงบประมาณหลักมาจากกระแสเงินสดในปีที่ผ่านมา แผนการดำเนินงานมุ่งเน้นการสำรวจ พัฒนา และเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการหลักในประเทศไทย เช่น G1/61, G2/61, โครงการอาทิตย์, โครงการเอส 1, คอนแทร็ค 4 และพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเร่งพัฒนากลุ่มโครงการสำรวจในมาเลเซีย (Malaysia Greenfields) รวมถึงโครงการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโมซัมบิก พร้อมเร่งดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเตรียมงบลงทุนเพื่อรองรับพลังงานแห่งอนาคต เช่น พลังงานลมนอกชายฝั่งและเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและสร้างการเติบโตในระยะยาว
ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นพัฒนาและขยายการลงทุนอย่างยั่งยืน ปตท.สผ. ยังคงเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม