ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้าพลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วยกลยุทธ์ “AI-native” ชู “Agentic AI” ขับเคลื่อนความยั่งยืนและการบริหารจัดการพลังงาน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้าพลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วยกลยุทธ์ “AI-native” ชู “Agentic AI” ขับเคลื่อนความยั่งยืนและการบริหารจัดการพลังงาน
Share

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ประกาศแผนระยะยาวครั้งสำคัญ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่มีเอกลักษณ์ โดยผสานการทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดด้วยระบบนิเวศที่มี “Agentic AI” (ผู้ช่วยหรือตัวแทนอัจฉริยะ) เป็นหัวใจหลัก มุ่งยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงานและเร่งขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืน


Agentic AI: ขีดความสามารถใหม่เพื่อความยั่งยืนที่ง่ายและอัตโนมัติ

หัวใจของแผนระยะยาวนี้คือการพัฒนา Agentic AI ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์รูปแบบใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้สามารถทำงานได้อย่างอิสระ หรือทำงานร่วมกับลูกค้าและที่ปรึกษา เพื่อคาดการณ์ความต้องการและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและแบบเรียลไทม์ แตกต่างจากซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่ต้องมีการควบคุมและสั่งการโดยตรง Agentic AI ในระบบนิเวศแบบ AI-native ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคจะสามารถทำงานแทนผู้ใช้ได้อย่างอัตโนมัติ นำไปสู่ยุคใหม่ของความยั่งยืนที่ง่ายดายและเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น

“วิสัยทัศน์ของเราคือการทำงานร่วมกันอย่างอัจฉริยะ โดย Agentic AI ทำงานเคียงข้างผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์เสมือนเป็นเพื่อนร่วมทีมดิจิทัลอย่างแท้จริง” สตีฟ วิลไฮท์ ประธานฝ่ายธุรกิจความยั่งยืน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เราสร้างผลลัพธ์ได้แบบทวีคูณ โดย Agentic AI จะวิเคราะห์ข้อมูลและงานที่ซับซ้อนอย่างอัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าของเรามีเวลาทุ่มเทให้กับแผนงานเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมที่จะนำไปสู่ผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานซึ่งจะส่งผลต่อวิธีการทำงานขององค์กร สามารถเร่งการดำเนินการด้านพลังงานและการลดคาร์บอนได้”


พลิกโฉมการบริหารจัดการพลังงานและยั่งยืนด้วยระบบนิเวศอัจฉริยะ

ระบบนิเวศเจนเนอเรชั่นใหม่ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะทำหน้าที่เป็นทั้งศูนย์บัญชาการและหน่วยงานด้านประสานงานสำหรับการวางกลยุทธ์และการตัดสินใจด้านพลังงานและความยั่งยืน ด้วยการผสาน Agentic AI เข้ากับกระบวนการทำงานที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์และระบบขององค์กรได้อย่างราบรื่น ระบบนี้จะเปลี่ยนความพยายามด้านความยั่งยืนที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นระบบนิเวศอัจฉริยะที่ปรับปรุงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องและขับเคลื่อนผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน


แต่งตั้ง “ฌูเลียน ปิโกด์” นำทัพขับเคลื่อนกลยุทธ์ AI-native

เพื่อขับเคลื่อนแผนกลยุทธ์ระยะยาวนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ประกาศแต่งตั้ง ฌูเลียน ปิโกด์ เป็น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ (Chief Product Officer) โดย ฌูเลียน ปิโกด์ จะนำประสบการณ์ด้านความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์และการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นที่นวัตกรรมดิจิทัลและ AI ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพทางธุรกิจและการจัดการทรัพยากรและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชาญฉลาด

ภายใต้การนำของ ฌูเลียน ปิโกด์ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะได้รับการปรับปรุงและผสานคุณสมบัติใหม่จาก EcoAct ซึ่งได้เข้าซื้อกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งครอบคลุมถึง:

  • กลยุทธ์การลดคาร์บอน (Decarbonization Strategy)
  • การวิเคราะห์สถานการณ์จำลอง (Scenario Analysis)
  • การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ บริการและกระบวนการทำงาน (Benchmarking)
  • การจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emissions Management)
  • การรายงานและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Reporting & Compliance)
  • การประเมินและจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk)
  • การมีส่วนร่วมกับคู่ค้า ซัพพลายเออร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ (Value Chain Engagement)
  • การบริหารจัดการด้านพลังงาน (Energy Management)
  • การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Resource Efficiency)
  • การเชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ และการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ (Data Integration, Automation, & Visualization)
  • สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ให้ทันสมัย (Modernized User Experience)

ผสาน AI และความเชี่ยวชาญมนุษย์: รากฐานสู่ความสำเร็จ

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานระดับโลก ด้วยประสบการณ์กว่าสองทศวรรษในการช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ทั่วโลกให้บรรลุเป้าหมายด้านพลังงานและความยั่งยืน ความเชี่ยวชาญนี้เป็นรากฐานสำคัญของระบบนิเวศใหม่ และจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ในมิติที่กว้างและลึก ซึ่งเป็นการผนวกรวมสิ่งที่ดีที่สุดระหว่าง AI และศักยภาพของมนุษย์เข้าด้วยกัน

“ในสาขาเฉพาะทาง เช่น พลังงานและความยั่งยืน Agentic AI จะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อมีการออกแบบให้ความเชี่ยวชาญมีมิติที่ลึกแบบเฉพาะทาง” เอมี่ เครเวนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ซอฟต์แวร์ด้านความยั่งยืนและ ESG ของ IDC กล่าว “ด้วยประสบการณ์หลายทศวรรษและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาระดับลึก ชไนเดอร์ อิเล็คทริคกำลังสร้างระบบนิเวศ Agentic AI ที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดการความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ ซึ่ง Agentic AI ในยุคต่อไปจะเปลี่ยนการจัดการข้อมูลให้กลายเป็นระบบปฏิบัติการแห่งอนาคตได้อย่างง่ายดาย”


ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม: หลักการของ Frugal AI

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ตระหนักถึงปริมาณพลังงานที่ AI ใช้ ดังนั้นจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำการลงทุนนี้ไปใช้โดยเน้นที่ประสิทธิภาพในการประมวลผลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการบูรณาการหลักการของ Frugal AI ชไนเดอร์ อิเล็คทริคกำลังออกแบบระบบที่ให้ความอัจฉริยะสูงสุดด้วยการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ซึ่งหมายถึงการใช้โมเดลที่เรียบง่ายกว่า อัลกอริธึมที่มีประสิทธิภาพ และโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับปรุงให้เหมาะสม เพื่อลดการใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและต้นทุน โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ

การประกาศครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากประวัติความสำเร็จของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในด้านนวัตกรรม AI ซึ่งรวมถึง Resource Advisor Copilot เพื่อข้อมูลเชิงลึกด้านความยั่งยืนระดับองค์กร, ศูนย์กลาง AI ระดับโลกที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการปรับปรุงประสิทธิภาพถึง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, สิทธิบัตร AI กว่า 18 รายการ และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Nvidia เพื่อให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความยั่งยืนในโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่

บัวหลวง เปิดประตูลงทุนหุ้นเมกะเทรนด์สหรัฐฯ-ฮ่องกง ผ่าน DR น้องใหม่ เทรดสนั่นตลาด SET พรุ่งนี้