ยูโอบี หนุน SMEs ไทยบุกตลาดอีคอมเมิร์ซโลก ผ่านโครงการ E-Commerce Accelerator

ยูโอบี หนุน SMEs ไทยบุกตลาดอีคอมเมิร์ซโลก ผ่านโครงการ E-Commerce Accelerator
Share

ยูโอบี ประเทศไทย เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยรุกตลาดอีคอมเมิร์ซระดับโลก เปิดตัวโครงการ E-Commerce Accelerator Programme (EAP) ผ่าน UOB FinLab จับมือพันธมิตรชั้นนำ Amazon, Alibaba และ Douyin ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจไทย พร้อมก้าวข้ามอุปสรรคด้านต้นทุน กฎระเบียบ และทักษะดิจิทัล เพื่อขยายโอกาสการเติบโตในตลาดต่างประเทศ

จากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ทั้งในไทย จีน ยุโรป และอเมริกา สะท้อนโอกาสสำคัญสำหรับ SMEs ไทยในการขยายธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยข้อมูลระบุว่า SMEs ไทยกว่า 90% เชื่อว่า e-commerce เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างยอดขายในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ยูโอบีจึงจัดทำโครงการ EAP เพื่อช่วยเหลือ SMEs ผ่านการให้คำปรึกษาและการอบรมเชิงลึก

นายบัลลังก์ ว่องธวัชชัย Head of Digital Engagement and FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า การบุกตลาดออนไลน์ระดับโลกเป็นโอกาสทองของ SMEs ไทย แม้จะมีอุปสรรคในเรื่องเงินทุนและทักษะดิจิทัล ยูโอบีจึงร่วมกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อมอบคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ทั้งการเลือกสินค้า การวางแผนโลจิสติกส์ และการตลาดดิจิทัล เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภายในโครงการ พันธมิตรทั้ง 3 รายได้ร่วมให้คำแนะนำเฉพาะทาง ได้แก่

Amazon แนะ SMEs เจาะตลาด B2C ด้วย 6 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การวิเคราะห์ตลาด เลือกสินค้าที่เหมาะสม สร้างแบรนด์ให้โดดเด่น ใช้ฟีเจอร์ A+ Content ปรับปรุง Amazon SEO ด้วยคีย์เวิร์ด ใช้ AI สร้างคอนเทนต์ และบริหารสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสินค้าจากไทย เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าเกษตร กำลังได้รับความนิยมสูงในตลาดออสเตรเลีย อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย ฟิลิปปินส์ และปากีสถาน

Alibaba แนะการทำตลาด B2B ผ่าน 4 เครื่องมือหลัก ได้แก่ การเสนอราคา (RFQ), การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytic), โฆษณาผ่านคีย์เวิร์ด (Keyword Advertising) และการโพสต์สินค้าคุณภาพสูง (Product Posting) โดยสินค้าจากไทย เช่น อาหาร ผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์บิวตี้ และอะไหล่รถยนต์ เป็นที่นิยมในตลาดโลก

Douyin (TikTok ประเทศจีน) เปิดโอกาส SMEs ไทยเข้าสู่ตลาดจีน ผ่านการทำไลฟ์คอมเมิร์ซ ซึ่งปัจจุบันมียอดชมไลฟ์สูงถึง 2.9 พันล้านครั้งต่อวัน โดยแนะนำการตลาดผ่านคอนเทนต์ การใช้ Influencers และการสร้างวิดีโอสั้น ๆ ดึงดูดลูกค้า พร้อมมีโปรแกรมสนับสนุน SMEs เช่น บริการคลังสินค้าและการจัดการสต็อกฟรีในช่วง 3 เดือนแรก

ด้านนางสาวกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA) เสริมว่า ไลฟ์คอมเมิร์ซจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากไลฟ์คอมเมิร์ซจะเพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปีนี้ จาก 30% ในปี 2567 พร้อมชี้ว่า Influencers และ KOLs จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยขายสินค้าและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม TikTok

ทั้งนี้ SMEs ไทยที่สนใจเข้าร่วมโครงการ E-Commerce Accelerator Programme หรือศึกษาคอร์ส Business Transformation ออนไลน์ฟรี สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://community.thefinlab.com/

บลูบิค ผู้ถือหุ้นไฟเขียวทุกวาระ พร้อมอนุมัติปันผล 0.22 บาท/หุ้น เตรียมย้ายเข้า SET ภายในปีนี้