ยูโอบี ฟินแล็บ ขับเคลื่อน 30 SME ไทย สู่ “โอกาสทอง” ธุรกิจยั่งยืน ผ่านโครงการ SIP 2025 เน้น “เปลี่ยนแนวคิดเป็นการลงมือทำจริง”

ยูโอบี ฟินแล็บ ขับเคลื่อน 30 SME ไทย สู่ "โอกาสทอง" ธุรกิจยั่งยืน ผ่านโครงการ SIP 2025 เน้น "เปลี่ยนแนวคิดเป็นการลงมือทำจริง"
Share

ท่ามกลางกระแสความยั่งยืนที่กำลังพลิกโฉมภูมิทัศน์ธุรกิจทั่วโลก ยูโอบี ฟินแล็บ  โดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้เดินหน้าตอกย้ำบทบาทผู้นำในการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทย ผ่านการจัดโครงการ Sustainability Innovation Programme (SIP) 2025 อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีเป้าหมายหลักในการช่วย SME ไทย 30 ราย “เปลี่ยนแนวคิดให้เป็นการลงมือทำจริง” และพิสูจน์ว่าความยั่งยืนคือ “โอกาสทางธุรกิจระยะยาว” ไม่ใช่ภาระต้นทุน

โครงการ SIP 2025 ซึ่งกินระยะเวลา 3 เดือน ได้รวมผู้ประกอบการจากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้และการปฏิบัติการจริง โดยได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรสำคัญด้านความยั่งยืนและเทคโนโลยีระดับโลก ได้แก่ Hydrogen Thailand Association, MTP Solution, และ Techsauce เพื่อส่งมอบองค์ความรู้ เครื่องมือ และเครือข่ายที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทาง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล)

3 แกนหลักที่ SME ไทยได้รับจาก SIP 2025: เส้นทางสู่การเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม

  1. เห็นเส้นทางความยั่งยืนที่จับต้องได้และนำไปปฏิบัติจริง: ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการได้ใช้เครื่องมือสำคัญอย่าง UOB Sustainability Compass ในการประเมินสถานะปัจจุบันของธุรกิจอย่างเป็นระบบ พร้อมวางแผนการเปลี่ยนผ่านในเชิงปฏิบัติการ นอกจากนี้ ยังได้ผสานแนวคิด ESG เข้ากับเครื่องมือ Business Model Canvas จนได้เป็น “แผนธุรกิจยั่งยืน” ที่พร้อมนำไปใช้ได้ทันที

  2. เติบโตในระบบนิเวศแห่งความร่วมมือที่แท้จริง: โครงการ SIP 2025 ได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใน Ecosystem อย่างเข้มข้น เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการเข้ากับผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยี นวัตกรรม และแหล่งเงินทุนสีเขียว

    • คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ รองประธานกลุ่ม Hydrogen Thailand Association กล่าวเน้นย้ำว่า การเชื่อมต่อภาคธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ และภาคเทคโนโลยีเข้าด้วยกันของ UOB FinLab เป็น “จุดแข็ง” ที่ช่วยให้ SME มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดโลก

    • คุณรัฐศักดิ์ สกุลวัชรอนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ บริษัท ดี.ซี.แอล.พลาสติก จำกัด ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าความยั่งยืนคือ “การทำงานร่วมกันในระบบนิเวศ” ทั้งซัพพลายเออร์ ลูกค้า และพันธมิตร ซึ่งจะสร้างคุณค่าทางธุรกิจและสังคมอย่างแท้จริง

  3. สร้างผลลัพธ์ควบคู่กันทั้งธุรกิจและสิ่งแวดล้อม: SME ที่เข้าร่วมโครงการเริ่มวัดผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เช่น การวัด Carbon Footprint หรือการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม

    • บริษัท พี.แอล.วาย จำกัด ผู้พัฒนาแบรนด์เครื่องนอน PLY & POEM ได้นำแนวคิด Circular Economy (4R: Repair, Reuse, Reproduce, Recycle) มาประยุกต์ใช้ ซึ่งช่วยทั้งในการลดต้นทุนและสร้างรายได้ใหม่ไปพร้อมกัน คุณปริญดา ลี้ ประธานกรรมการฯ ย้ำว่า การมี Ecosystem สนับสนุนคือ “แรงขับเคลื่อนสำคัญ” ของธุรกิจยุคใหม่

โอกาสทางการตลาดและการเงิน เหตุผลที่ SME ต้องเริ่ม “วันนี้”

จากข้อมูล UOB Business Outlook Study 2025 ชี้ให้เห็นว่า แม้กว่า 90% ของธุรกิจไทยจะให้ความสำคัญกับความยั่งยืน แต่มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถนำแนวทาง ESG ไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งก่อให้เกิดช่องว่างสำหรับผู้ที่ลงมือทำก่อน ขณะเดียวกัน ผลสำรวจ NielsenIQ 2024 ยืนยันว่า ผู้บริโภคไทยกว่า 78% เลือกซื้อสินค้าจากธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนคือ “ความคาดหวัง” ของตลาดและผู้บริโภค

คุณพณิตตรา เวชชาชีวะ Head of Financial Institutions และ ESG Solutions ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวสรุปว่า โครงการ SIP ไม่ได้แค่สร้างความรู้ แต่สร้าง “ความสามารถในการเปลี่ยนผ่าน” ให้กับ SME ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจ โดยการใช้เครื่องมือ UOB Sustainability Compass ในโครงการ SIP 2025 เป็นการต่อยอดแนวคิดด้านความยั่งยืนของยูโอบีสู่การปฏิบัติจริง ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจเส้นทางการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน และเติบโตอย่างมั่นคงควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อม

ผลลัพธ์ของโครงการ SIP ตลอด 3 ปี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยูโอบีในการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงความรู้ เทคโนโลยี และพันธมิตรทางการเงิน เพื่อสนับสนุนให้ SME ไทยพร้อมก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ

51Talk ส่ง “น้องเอวา” ตัวแทนเด็กไทยวัย 12 ปี ร่วมเวที COP30 สหประชาชาติ ณ บราซิล เปล่งเสียงเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก