We Are Social ครีเอทีฟเอเจนซีระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยโซเชียล ประกาศขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมพลิกโฉมวงการการตลาดยุคใหม่ ด้วยแนวคิดที่มอง “โซเชียล” ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์ม แต่เป็น “People, Passion และ Platform” ชูพลังคอมมูนิตี้และ Subculture ขับเคลื่อนแบรนด์ ผ่านแคมเปญสุดล้ำและนวัตกรรมระดับโลก
เจาะลึก Subculture – พลังใหม่ที่แบรนด์ต้องจับตา
ภายในงานเปิดตัวซึ่งจัดขึ้นที่ Soho House Bangkok We Are Social ได้เผยแนวคิดสำคัญในการทำการตลาดยุคใหม่ นั่นคือ การเข้าถึง Subculture ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกมเมอร์ คนรักดนตรี คอภาพยนตร์ หรือชุมชนเทคโนโลยี ผ่านการสร้างคุณค่า (High Value) และโอกาสในการมีส่วนร่วม (High Engagement) ที่กลมกลืนกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
“เราวางตัวเป็น Innovator คิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับแบรนด์ เช่น แคมเปญบนแพลตฟอร์มเกม ที่ดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายอยากมีส่วนร่วมด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่การโฆษณา” คุณแพท-ภัทรพงศ์ นิติการ กรรมการผู้จัดการ We Are Social ประเทศไทย กล่าว
Garnier x Free Fire – ตัวอย่างแคมเปญ Immersive ที่เขย่าวงการ
หนึ่งในแคมเปญที่สะท้อนแนวคิดของ We Are Social ได้อย่างชัดเจน คือ “Garnier Men The Rescue Airdrop” ที่ผสานแบรนด์เข้ากับเกม Free Fire อย่างไร้รอยต่อ โดยสร้างไอเทมในเกมที่เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์จริง และจำลองแลนด์มาร์กอย่างสยามสแควร์เข้าไปในเกม สร้างประสบการณ์ Immersive ที่ทำให้แบรนด์ไม่ใช่แค่โฆษณา แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์เกมเมอร์
AI และอนาคตของการตลาด
นอกจาก Subculture อีกเทรนด์สำคัญที่ We Are Social ให้ความสำคัญคือ AI โดยคุณ Manolis Perrakis ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรมจาก We Are Social สิงคโปร์ กล่าวว่า “AI ไม่ได้มาแทนที่ครีเอทีฟ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ครีเอทีฟทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น” พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมล้ำสมัยในงาน เช่น VR Headset และอาร์ตจากศิลปินระดับโลก
การเปิดตัวในไทยครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การขยายธุรกิจ แต่เป็นการประกาศจุดยืนของ We Are Social ว่าจะเข้ามาปฏิวัติการตลาดไทยด้วยนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์โลกอนาคต