กสทช. เร่งเครื่อง! บูรณาการแจ้งเตือนภัยพิบัติ “ครบวงจร” ผ่านทีวี-มือถือ ป้องกันก่อนวิกฤต

กสทช. เร่งเครื่อง! บูรณาการแจ้งเตือนภัยพิบัติ "ครบวงจร" ผ่านทีวี-มือถือ ป้องกันก่อนวิกฤต
Share

เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์! คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เดินหน้าเต็มสูบ บูรณาการระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติครั้งใหญ่ ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิทัล ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉิน (EWS) และเชื่อมโยงสู่โทรศัพท์มือถือด้วยระบบ cell broadcast หวังให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลเตือนภัยได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม ลดความเสี่ยงและความสูญเสียจากภัยธรรมชาติ

สำนักงาน กสทช. ได้จัดการประชุมหารือตลอดทั้งวันกับหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารภัยพิบัติ อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.), ผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิทัล (ททบ., กรมประชาสัมพันธ์, ไทยพีบีเอส) และสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) เพื่อติดตามความคืบหน้าและพัฒนาแนวทางการแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านช่องทางทีวีดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ผุดระบบ EWS เตือนภัยผ่านทีวีดิจิทัล ครอบคลุมทั่วประเทศ

หัวใจสำคัญของการบูรณาการครั้งนี้คือ ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (Emergency Warning System: EWS) ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นระบบที่มีศักยภาพในการกระจายข้อมูลภาพและเสียงในพื้นที่กว้างขวาง สามารถแจ้งเตือนได้ทั้งประเทศพร้อมกัน หรือเลือกสื่อสารเฉพาะพื้นที่เสี่ยงได้ตามสถานการณ์ ทำให้ประชาชนที่รับชมทีวีดิจิทัลสามารถเข้าถึงข้อมูลเตือนภัยได้ทันที

ขณะนี้ สถานีโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.) และไทยพีบีเอส มีความพร้อมทางเทคนิคและสามารถเริ่มทดลองระบบ EWS ในระบบเปิดได้ทันที โดยโครงข่ายของทั้งสองสถานีครอบคลุมพื้นที่รับชมถึงร้อยละ 88 ของผู้รับชมทีวีดิจิทัลทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดด้านเทคนิคและการประสานงานที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน กสทช. จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาศึกษาและเตรียมการพัฒนาระบบ EWS อย่างรอบด้าน

เล็งใช้ “ช่องหมายเลข 1” เป็นช่องเฉพาะกิจแจ้งเตือนภัย

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการหารือคือ ความเป็นไปได้ในการใช้ “ช่องหมายเลข 1” เป็นช่องสื่อสารเรื่องภัยพิบัติโดยเฉพาะ ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทช. ได้อนุญาตให้ ทรท. ทดลองส่งสัญญาณในช่องดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการแจ้งเตือนภัยพิบัติแล้ว แต่เนื่องด้วยปัญหาด้านการบริหารจัดการเนื้อหาและการลงนามข้อตกลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้การดำเนินการยังไม่เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังคงเห็นถึงประโยชน์ของการมีช่องทางเฉพาะที่น่าเชื่อถือในการสื่อสารภัยพิบัติในระดับสาธารณะ และจะเร่งปรึกษาหารือกับ ปภ. และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีอำนาจสั่งการตามกฎหมายในแต่ละประเภทภัยพิบัติต่อไป

ผนึกกำลัง ปภ. ยกระดับแจ้งเตือนภัยผ่านมือถือ

นอกจากการแจ้งเตือนภัยผ่านทีวีดิจิทัลแล้ว กสทช. ยังให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยได้สนับสนุนงบประมาณให้ ปภ. เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาระบบ Cell Broadcast Entity (CBE) ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวม ตรวจสอบ และกำหนดเนื้อหาในการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัย โดยมีกระทรวงดิจิทัลฯ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบ Cloud Server และ CBE กับศูนย์ Cell Broadcast Center (CBC) ที่สำคัญคือ ระบบนี้จะใช้มาตรฐานกลาง Common Alert Protocol (CAP) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ทำให้รองรับการแจ้งเตือนทุกช่องทางและทุกประเภทภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กสทช. มุ่งบูรณาการ ลดความเสี่ยง ดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า “อยากให้มองไปข้างหน้าและพยายามหาทางทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานอย่างบูรณาการกันมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาสจากการขาดระบบสื่อสารภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีหลายแพลตฟอร์ม แต่ต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทของภัยที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”

ทั้งนี้ แนวทางการบูรณาการการแจ้งเตือนภัยพิบัติของ กสทช. สอดคล้องกับมติที่ประชุมแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนภัยพิบัติในทุกมิติของประเทศ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงในกรณีเกิดภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉิน โดย กสทช. ได้มีประกาศหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2555 กำหนดให้ผู้รับอนุญาตทีวีและวิทยุมีหน้าที่ต้องดำเนินการแจ้งเตือนภัยตามแผนที่ได้ส่งมอบไว้

การบูรณาการระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านทั้งโทรทัศน์และโทรศัพท์มือถือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนคนไทย ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเตือนภัยได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที และครอบคลุมทุกช่องทาง เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบจากภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ไทย-ลาว ผลักดัน 6 ความร่วมมือดิจิทัล ในเวที High Level Digital Transformation Forum