‘วังจันทร์วัลเลย์’ ยืนหนึ่ง ดีป้าเปิดดัชนีเมืองอัจฉริยะ 67 คว้าคะแนนสูงสุด 84.85%

'วังจันทร์วัลเลย์' ยืนหนึ่ง ดีป้าเปิดดัชนีเมืองอัจฉริยะ 67 คว้าคะแนนสูงสุด 84.85%
Share

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) โดยสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ได้เผยแพร่รายงาน ดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย (TSCCI) และดัชนีประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (SCPRI) ประจำปี 2567 โดยมีผลคะแนนที่น่าจับตา แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันเชิงบวกในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ

ผลการจัดอันดับชี้ชัดว่า เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง สามารถคว้าคะแนนชี้วัดความสามารถในการแข่งขันสูงสุด ด้วยคะแนนโดดเด่นที่ 84.85% ตามมาด้วย สามย่านสมาร์ทซิตี้ กรุงเทพมหานคร ที่ 78.22% และ ฉะเชิงเทรา เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 77.45%

 

ทำไมต้องวัด? ดีป้าเร่งสร้างมาตรฐานและแรงบันดาลใจ

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า การจัดทำดัชนีชี้วัดทั้งสองรายการนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อ สร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับจุดเด่นและจุดด้อยของเมืองอัจฉริยะต่าง ๆ และเพื่อ สร้างแรงบันดาลใจ รวมถึง กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในเชิงบวก ระหว่างเมือง โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน

การประเมินในครั้งนี้ครอบคลุม 22 เมือง 36 จังหวัดในกลุ่มเมืองอัจฉริยะ และ 74 เมืองในกลุ่มเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ โดยพิจารณาจาก 5 องค์ประกอบหลักของแผนพัฒนาเมือง ตั้งแต่การกำหนดวิสัยทัศน์ โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล ระบบข้อมูลและความปลอดภัย ไปจนถึงการบริการระบบเมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน และแนวทางการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน

 

‘อุโมงค์’ ลำพูน และ ‘ปทุมธานี’ นำโด่ง เขตส่งเสริมฯ พร้อมเป็นสมาร์ทซิตี้

นอกจากการจัดอันดับเมืองที่พัฒนาแล้ว รายงานยังได้เปิดเผยกลุ่มเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะที่มีความพร้อมสูงสุดในการก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในอนาคต

  • อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ เทศบาลตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน ได้รับคะแนนความพร้อมสูงสุดที่ 71.44%
  • ปทุมธานีเมืองอัจฉริยะ จังหวัดปทุมธานี ตามมาด้วยคะแนน 70.20%

ผลการประเมินดังกล่าวสะท้อนว่าเมืองเหล่านี้ได้วางแผนและเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการอย่างรอบด้าน เพื่อใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาบริหารจัดการเมืองและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

 

ปูทางสู่ Mega Program พลิกโฉมประเทศ

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวทิ้งท้ายว่า รายงานดัชนีนี้เป็นกลไกสำคัญในการ ติดตามและปรับปรุงการดำเนินงาน ให้เมืองพัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน Mega Program พลิกโฉมประเทศไทย โดยเน้นการขยายเขตเมืองอัจฉริยะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และให้ความสำคัญกับการสร้าง City Data Platform เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในระยะยาว

GSK จับมือผู้นำนโยบายสุขภาพระดับประเทศ ขับเคลื่อน “Gen ยัง Active 50+” ปูทางสู่สังคมสูงวัยที่ยั่งยืน