สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตอกย้ำบทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” ประกาศความสำเร็จในการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทยให้ก้าวสู่เวทีระดับโลก พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายใหม่เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยตลอดสองปีที่ผ่านมา NIA ได้ใช้ยุทธศาสตร์ “4G” ได้แก่ Groom (การบ่มเพาะ), Grant (การให้ทุน), Growth (การขยายตลาด) และ Global (การสู่สากล) เพื่อติดอาวุธและเติมศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ปั้นคน ปั้นนวัตกรรม พัฒนาศักยภาพและให้เงินทุน
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า จากจุดแข็งของธุรกิจนวัตกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน ความสามารถในการผสานวัฒนธรรมและเทคโนโลยี และการเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชีย ทำให้สตาร์ตอัปและ SME ไทยมีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด NIA จึงมุ่งมั่นสนับสนุนผ่านแนวคิด 4G โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Groom (การบ่มเพาะ): NIA พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผ่าน NIA Academy ด้วยหลักสูตรกว่า 16 หลักสูตร ซึ่งได้บ่มเพาะบุคลากรไปแล้วกว่า 40,000 คน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมเยาวชนผ่านกิจกรรม Startup Thailand League ที่มีนักศึกษากว่า 250 ทีมจาก 50 มหาวิทยาลัยเข้าร่วม
- Grant (การให้ทุน): NIA สนับสนุนเงินทุนนวัตกรรมผ่าน 9 กลไกหลักที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ประกอบการ ทำให้ธุรกิจนวัตกรรมเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา NIA สนับสนุนไปแล้ว 254 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 397 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2568)
ขยายโอกาส: สร้างตลาดและเครือข่ายระดับโลก
NIA ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ (Growth และ Global) โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร การแพทย์และสุขภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว/ซอฟต์พาวเวอร์
- Growth (การขยายตลาด): NIA ตั้งเป้าเร่งสร้างการเติบโตให้กับสตาร์ตอัป 100 กิจการภายในปี 2569 ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาท และการลงทุนเพิ่มกว่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการ “นิลมังกร” ยังช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 530 ล้านบาท จากการเพิ่มรายได้ของผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยกว่า 40 ราย
- Global (การสู่สากล): NIA เป็นศูนย์กลางสำหรับสตาร์ตอัประดับโลก ทั้งการให้คำปรึกษา การลงทุน เครือข่าย และมาตรการภาษี โดยได้นำสตาร์ตอัปไทยออกสู่ตลาดโลกผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Corporate Spark, Global Market Link และ Global Investment Link ที่ช่วยยกระดับธุรกิจนวัตกรรมไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเข้าถึงการลงทุนจากต่างประเทศ
จับเทรนด์โลก เตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลง
ดร. กริชผกา กล่าวสรุปว่า ในปี 2569 โลกจะเผชิญกับ 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยี (AI, IoT), สิ่งแวดล้อม (พลังงานสะอาด), ภูมิรัฐศาสตร์ และ โครงสร้างประชากร ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ NIA ได้กำหนด 3 โครงการเรือธง (Flagship Project) ได้แก่ การพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์, การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเกษตร และการสร้างธุรกิจนวัตกรรมเชิงลึก พร้อมทั้งพัฒนาระบบข้อมูล NIA Innovation Journey & Dashboard 2026 เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการกำหนดทิศทางนวัตกรรมของประเทศต่อไป
NIA มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น “ชาตินวัตกรรม” ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ