ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้ โรงพยาบาลนครธน ได้เปิดเผยนวัตกรรมการตรวจน้ำเชื้อ (สเปิร์ม) ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการรักษาภาวะมีบุตรยากในประเทศไทย นพ.นภดล ใยบัวเทศ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ กล่าวว่า การใช้ AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการประเมินคุณภาพน้ำเชื้อ โดย AI จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพหรือวิดีโอของน้ำเชื้อผ่านกล้องจุลทรรศน์ ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบคุณสมบัติหลัก ๆ ของสเปิร์ม เช่น ความเคลื่อนไหว รูปร่าง และจำนวน ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
คุณพงษ์เพชร เบญจพลวัฒนา นักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ประจำศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้ กล่าวถึงข้อดีของการใช้ AI ว่าสามารถเพิ่มความแม่นยำในการประมวลผลข้อมูลและให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการตรวจและวินิจฉัย เนื่องจาก AI สามารถวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำเชื้อหลายรายการพร้อมกัน ทำให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ AI ยังสามารถวิเคราะห์ลักษณะของสเปิร์มในหลายมิติ เช่น การเคลื่อนไหวในทิศทางต่าง ๆ และช่วยให้แพทย์ออกแบบแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
นพ.นภดล ยังได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ชายในการรักษาคุณภาพน้ำเชื้อ โดยเน้นให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามิน C, วิตามิน E, และสังกะสี รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะสืบพันธุ์และลดความเครียด นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพน้ำเชื้อ การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน การพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการหลีกเลี่ยงความร้อนที่บริเวณอัณฑะ เช่น การแช่น้ำร้อนหรือการใช้คอมพิวเตอร์บนตักนาน ๆ โดยผู้ชายควรจัดการกับความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำสมาธิ
ในเรื่องของช่วงวัยที่คุณภาพน้ำเชื้อของผู้ชายอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่สุด นพ.นภดล กล่าวว่า โดยทั่วไปอยู่ในช่วงอายุ 20-35 ปี แต่หลังจากอายุ 40 ปี คุณภาพน้ำเชื้อจะเริ่มลดลงตามธรรมชาติ ซึ่งมีผลกระทบต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ ดังนั้น หากผู้ชายวางแผนที่จะมีบุตรในอนาคต การเก็บสเปิร์มในช่วงอายุที่ดีที่สุดจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้ นับเป็นสถานที่ที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในระดับสากล ที่จะช่วยให้คู่สมรสสามารถก้าวไปสู่การสร้างครอบครัวในฝันได้อย่างมีความสุข การตรวจน้ำเชื้อด้วย AI เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้การรักษาภาวะมีบุตรยากมีความแม่นยำและเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต.
