foodpanda ร่วมกับ WWF ทำให้ทุกวันเป็น Earth Day

Share

foodpanda ร่วมมือกับ WWF (World Wide Fund for Nature) รณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมเนื่องในวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ที่ตรงกับวันที่ 22 เมษายนของทุกปี เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีส่วนร่วมในการ “บริหารจัดการขยะพลาสติก” โดยเฉพาะพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์อาหารที่เกิดขึ้นจากการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ที่เพิ่มสูงขึ้นในยุคปัจจุบัน  ผ่าน ขั้นตอนง่าย ๆ ในการจัดการขยะพลาสติกก่อนนำไปรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะที่หลุดออกไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณพลาสติกที่ต้องนำไปกำจัดหรือฝังกลบ และยังช่วยลดงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปกับการกำจัดขยะมูลฝอยที่มีปริมาณมหาศาลในปัจจุบัน

ปัจจุบันขยะพลาสติกในประเทศไทยนั้นมีปริมาณสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คนนิยมสั่งอาหารและเครื่องดื่มแบบเดลิเวอรี่กันเพิ่มมากขึ้น ทำให้พลาสติกจากบรรจุภัณฑ์มีจำนวนมากตามไปด้วย โดยในแต่ละออเดอร์จะมีขยะพลาสติกมากขึ้นจำนวน 5-10 ชิ้น ส่งผลให้ขยะพลาสติกโดยรวมเพิ่มขึ้นในเกือบทุกเมือง

แน่นอนว่า foodpanda ตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรังมาโดยตลอด และไม่เคยเพิกเฉยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมี foodpanda มีบทบาทในการร่วมผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในขอบเขตที่สามารถทำได้ เช่น ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก นำร่องมอบกล่องอาหารรักษ์โลกให้กับร้านค้าพันธมิตรของ foodpanda เพื่อรณรงค์การใช้งานบรรจุภัณฑ์อาหารที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ foodpanda ยังเป็นแอปพลิเคชันแรกในประเทศไทย ที่มีฟังก์ชันให้ลูกค้าเลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติก และนอกจากเรื่องพลาสติกแล้ว foodpanda ยังได้ร่วมมือกับ WWF ประกาศจุดยืนไม่จำหน่ายเมนู “หูฉลาม” บนแอปฯ foodpanda อีกด้วย

เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้และร่วมแก้ไขปัญหาพลาสติก การมีส่วนร่วมกันของทุกคน ทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุก ๆ คนสามารถร่วมกันรักษาโลกใบนี้ให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อคนรุ่นต่อไป foodpanda ขอชวนทุกคนมาเริ่มต้นทำทุกวันให้เป็นวัน Earth Day ด้วย ขั้นตอนง่าย ๆ ในการจัดการขยะพลาสติก ก่อนที่จะถูกนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล ดังนี้

  1. ล้างกล่อง – หลาย ๆ คนอยากยังไม่ทราบว่ากล่องพลาสติกที่ยังมีคราบอาหาร จะกลายเป็น “ขยะกำพร้า” ที่ไม่สามารถเอาไปรีไซเคิลได้ ดังนั้นเราต้องทำความสะอาดกล่องหรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้ปราศจากเศษอาหาร เพื่อให้ขั้นตอนต่อไปของกระบวนการรีไซเคิลง่ายขึ้
  2. ลอกสติกเกอร์ออกจากกล่อง – กล่องอาหารส่วนมาก มักมากับฉลากบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลไม่ได้ เช่น สติ๊กเกอร์ติดกล่องหรือเทปกาว ดังนั้นนอกจากล้างแล้วก็ควรแกะสิ่งเหล่านี้ ก่อนแยกขยะด้วย
  3. แยกประเภทพลาสติก –  ขยะพลาสติกมีหลายประเภท เช่น ถุงหูหิ้ว บรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ฟิล์มห่ออาหาร  แก้วแข็ง หลอด กล่องบรรจุอาหาร ฝาขวดน้ำ เป็นต้น เราควรคัดแยกเพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่เก็บขยะ และทำให้การจัดการในกระบวนการรีไซเคิลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. บีบหรือพับให้แบน – บรรจุภัณฑ์พลาสติกอย่างกล่องอาหารหรือขวดน้ำพลาสติก สามารถบีบหรือพับให้เล็กลงได้เพื่อประหยัดพื้นที่ในการทิ้งถังขยะ รวมถึงช่วยประหยัดพื้นที่ให้รถขยะ ให้สามารถขนขยะได้มากขึ้น
  5. ทิ้งขยะให้ถูกถัง – ปัจจุบันถังขยะจะมีการจำแนกประเภทของขยะมากขึ้น ดังนั้นผู้บริโภคมีหน้าที่ในการทิ้งขยะที่ถูกประเภท และให้แน่ใจว่าขยะที่ทิ้งนั้นไม่ปะปนรวมกัน
  6. ส่งต่อเทคนิคนี้ให้เพื่อนและครอบครัว – บอกต่อวิธีการจัดการขยะแบบนี้ให้กับเพื่อนฝูงญาติมิตรให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ถึงปัญหาขยะในบ้านเรา และทำให้ทุกคนตระหนักถึงประโยชน์ของการจัดการขยะพลาสติกก่อนรีไซเคิล นอกจากนี้ก็สามารถช่วยแก้ไขความเชื่อผิด ๆ บางอย่างได้ เช่น ข่าวลือที่ว่าเทศบาลเก็บขยะเราไปแล้วไปเทรวมกันอยู่ดี ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแยกขยะให้เสียเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะปัจจุบันมีการคัดแยกขยะเป็นหมวดหมู่เพื่อนำไปรีไซเคิล ไม่มีการเทรวมอย่างที่เข้าใจ

นอกจาก ขั้นตอนง่าย ๆ นี้ ก่อนที่เราจะใช้พลาสติก ขอให้ทุกคนหยุดคิดก่อนว่ามีความจำเป็นมากแค่ไหน หากไม่จำเป็นเราก็สามารถ “ปฏิเสธเมื่อไม่ต้องการ” ได้ เช่น กดเลือกฟังก์ชันไม่รับช้อนส้อมพลาสติก หรือแจ้งร้านหากไม่ต้องการรับหลอด หรือเครื่องปรุงซอง ในช่วงแรกร้านอาจยังคุ้นชิน และให้ทุกอย่างมาในออเดอร์เพื่อคงความพึงพอใจของลูกค้า แต่หากลูกค้าเน้นย้ำและส่งเสียงไปยังร้านเป็นประจำ ร้านจะปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ต้องการรับพลาสติกเหล่านี้ วิธีการนี้นอกจากลดพลาสติกแล้ว ยังช่วยลดขยะอาหารได้อีกด้วย แม้เราจะไม่สามารถเลิกใช้พลาสติกได้ 100% แต่เราสามารถลดปริมาณขยะที่จะไปสู่หลุมฝังกลบได้