สถานการณ์โรคมะเร็งปอดในประเทศไทยกำลังวิกฤตหนัก เมื่อมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 มะเร็งปอดจะก้าวขึ้นเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งของไทย ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจถึง 41 คนต่อวัน และมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 57 ราย ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยยังพบว่ามี ผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่เป็นมะเร็งปอดสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัจจัยเสี่ยง
จากสถานการณ์ที่น่ากังวลนี้ ได้กระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐ สมาคมแพทย์ และภาคีด้านสุขภาพ ต้องผนึกกำลังครั้งใหญ่ เพื่อปฏิรูปวงการสาธารณสุขไทย ด้วยการเร่งผลักดันนโยบายเพิ่มการเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาและการคัดกรองโรคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทบทวนเกณฑ์ ‘ความคุ้มค่า’ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยทุกคนเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด
มะเร็งปอด: ภัยเงียบที่คืบคลานเข้าใกล้ทุกคน
เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าเป็นห่วงบนเวทีเสวนาในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก โดยอ้างอิงสถิติระหว่างปี 2562 – 2564 ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามะเร็งปอดยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในผู้ป่วยมะเร็ง
ศ.ดร.นพ. ศรายุทธ ลูเซียน กีเตอร์ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสริมว่า ปัจจุบันมะเร็งปอดพบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้ชาย และอันดับ 4 ในผู้หญิง ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตรวจพบโรคใน ระยะลุกลาม (ระยะที่ 4) ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการหายขาดลดลงและต้องเข้าสู่การรักษาแบบประคับประคอง นอกจากปัจจัยเสี่ยงหลักอย่างการสูบบุหรี่แล้ว มลพิษทางอากาศ (PM2.5) และพันธุกรรมก็เริ่มมีบทบาทสำคัญ และยังพบแนวโน้มผู้ป่วยในวัยที่น้อยลงอีกด้วย
ยกระดับการคัดกรองและรักษา: เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ภาครัฐและภาคีสุขภาพกำลังเร่งดำเนินการคือการส่งเสริมให้เกิด ‘Stage Shift’ หรือการตรวจพบโรคในระยะแรกเริ่ม แทนที่จะเป็นระยะลุกลาม รศ.ดร.นพ. ศรายุทธ อธิบายว่า “หากการคัดกรองทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ถูกตรวจพบในระยะที่ 1 แทนที่จะเป็นระยะที่ 4 นั่นหมายความว่าเราสามารถเปลี่ยน ‘Mode of Death’ หรือวิธีการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากมะเร็งปอดไปเป็นการเสียชีวิตตามวัยชราภาพได้ ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ควรเร่งดำเนินการ” การคัดกรองเชิงรุกนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย ลดต้นทุนในระยะยาว และทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นพ. จักรกริช โง้วศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ย้ำว่าโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอด เป็นค่าใช้จ่ายสำคัญของระบบสุขภาพ ซึ่งจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ชัดเจน เช่น อัตราการรอดชีวิตที่สูงขึ้น หรือภาวะแทรกซ้อนที่ลดลง
ความก้าวหน้าในการรักษามะเร็งปอดมีอย่างมาก ทั้งการผ่าตัดผ่านกล้อง การฉายรังสีแบบแม่นยำ และการใช้ยามุ่งเป้า เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงนวัตกรรมเหล่านี้ได้มากขึ้น หน่วยงานภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างการทบทวน เกณฑ์ความคุ้มค่า (Cost-Effectiveness Threshold) ที่ใช้พิจารณายาและนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โรคที่มีความรุนแรงสูงเช่นมะเร็งปอด การปรับเกณฑ์นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาความสมดุลของงบประมาณระบบสุขภาพโดยรวม
การแก้ปัญหามะเร็งปอดอย่างยั่งยืนจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการกำหนดแนวทางที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน ทั้งในด้านการเข้าถึงนวัตกรรม เทคโนโลยี และการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สุขภาพอย่างต่อเนื่อง
ภัยร้ายมะเร็งปอดเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด การตระหนักถึงความเสี่ยง การเข้ารับการคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ และการสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมการเข้าถึงการรักษา จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่นี้