สมาคมโรคเบาหวาน เร่งให้ความรู้ เพื่อลดอัตราผู้ป่วยรายใหม่

Share

วันเบาหวานโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (IDF: International Diabetes Federation) รณรงค์ให้ประชาชนรับทราบจัดกิจกรรมภาคประชาชน ที่ให้ความรู้ในรูปแบบ Walk-Rally และเปิดเวทีเสวนา  ภายใต้แนวคิด “Education to Protect Tomorrow” “พรุ่งนี้ไม่สาย ถ้าเรารู้ทัน” #ให้เบาหวานเป็นเรื่องต้องรู้  รวมถึงออกบูธ กิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์ในเรื่อง Healthy Lifestyle ทั้งด้านอาหารการออกกำลังกายและการดูแลอารมณ์ จิตใจ เป็นการป้องกันโรคอ้วน เบาหวาน และลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้ที่เป็นเบาหวาน ให้ได้เข้าถึงความรู้ที่ถูกต้องในการดูแลตัวเอง 

โดยมีสมาคมโรค เบาหวานแห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย อาทิ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร, กรมควบคุมโรค, เครือข่าย คนไทยไร้พุง, เครือข่ายชมรมเบาหวาน, ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มูลนิธิส่งเสริมโภชนาการฯ, สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทยฯ ร่วมมือกัน

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย เผยในการเสวนา กรุงเทพ เดินได้ ว่า โรคเบาหวาน” เป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นภาระด้าน สาธารณสุขของประเทศ จากการสำรวจสุขภาพคนไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไปเมื่อ ปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา พบว่ามีคนไทยเป็นโรคเบาหวานมากถึง 5.3 ล้านคน ซึ่งจำนวนคนที่เป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือคนในกรุงเทพเป็นเบาหวานมากกว่าจังหวัด     อื่นๆ เกือบเท่าตัว โดยเฉลี่ย คนไทย 100 คน เป็นเบาหวาน 10 คน แต่สำหรับคนกรุงเทพฯ เป็นเบาหวานถึง 17 คนจาก 100 คนเลยทีเดียว สอดคล้องกับที่เห็นคนกรุงเทพจำนวนมากมีภาวะ อ้วนและเกิดปัญหาสุขภาพมากกว่าคนในจังหวัดอื่น ๆ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานมีหลายอย่าง แต่ที่สำคัญและมักถูกละเลยคือ “กินอยู่ไม่ดี” หรือ “กินดีอยู่ดีเกินไป” หมายถึง ภาวะโภชนาการเกิน กินไม่ถูกต้อง ไม่ออกกาลังกายหรือมีกิจกรรมออกแรง ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และมลภาวะในอากาศรอบตัว รวมถึงอายุที่มากขึ้นและพันธุกรรม ก็เป็นปัจจัยเร่งเพิ่มเติม

รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่มีจำนวนผู้คนอยู่ อาศัยสูงสุดในประเทศ ยังเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคด้วย ทุกคน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครเองมีเป้าหมาย พัฒนาเมืองกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองที่ดี โดย เรามีนโยบายพัฒนาให้เป็นเมืองที่ดีในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างดี เศรษฐกิจดี เดินทางดี หรือแม้แต่ปลอดภัยดี และสุขภาพที่ดี โดยที่กรุงเทพมหานคร มีโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมให้คนใน กรุงเทพมหานคร  รวมถึงนโยบายสิ่งแวดล้อมดีและการเดินทางดี เพื่อให้ท้ายสุดผู้คนมีสุขภาพ ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม จึงอยากเชิญชวนให้ คนกรุงเทพฯ ใส่ใจดูแลสุขภาพ และ เดินให้มากขึ้น”