AIS อุ่นใจไซเบอร์ ส่งแคมเปญ “มีความรู้ก็อยู่รอด” เพื่อรู้เท่าทันโลกออนไลน์

Share

AIS เปิดตัวแคมเปญสื่อสาร พร้อมหนังโฆษณาชุดใหม่ล่าสุดภายใต้แนวคิด “มีความรู้ก็อยู่รอด” โดยมุ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาจากภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบที่วันนี้กำลังกลายเป็นปัญหาคอขาดบาดตาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และสิ่งเดียวที่จะทำให้เราเอาชนะภัยไซเบอร์ได้ก็คือ “ความรู้” ซึ่งวันนี้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองกับหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ จากการเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุขในมิติของการร่วมสร้างสุขภาวะดิจิทัลที่ดีรวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ ในมิติการดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มมิจฉาชีพทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนสังคมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ

 

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS อธิบายว่า “ภารกิจของ AIS อุ่นใจไซเบอร์ คือการเดินหน้าทำงานเพื่อความยั่งยืนเพื่อสร้างทักษะดิจิทัล ใน 2 มิติ คือ 1) นำเทคโนโลยีมาพัฒนาในรูปแบบของบริการดิจิทัลที่ช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ และ 2) สร้างภูมิปัญญา องค์ความรู้ เพื่อส่งเสริมและสร้างทักษะดิจิทัลให้คนไทยรู้เท่าทันพร้อมอยู่กับโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยล่าสุดเราได้เปิดตัวหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ “อุ่นใจไซเบอร์” ที่เป็นการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐทั้งและเอกชน ยกระดับการเรียนการสอนในยุคดิจิทัล เพื่อปกป้องภัยไซเบอร์สร้างภูมิคุ้มกันการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลยุคใหม่ตั้งแต่เด็กและเยาวชนไปจนถึงคนทั่วไป อันจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือป้องกันภัยร้ายจากโลกไซเบอร์ ”

 

“การทำงานอย่างต่อเนื่องทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สร้างผลกระทบต่อสังคม และในบางกรณีตามมาถึงขั้นสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินการปกป้องสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องนี้ให้กับคนไทยจึงถือเป็นวาระเร่งด่วน และเป็นที่มาของการเปิดตัวแคมเปญการสื่อสารภายใต้แนวคิด “มีความรู้ก็อยู่รอด” เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้เราสู้กับทุกภัยไซเบอร์ได้คือ การมีความรู้ ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำภารกิจและความมุ่งมั่นตั้งใจของ AIS ในการนำองค์ความรู้มาส่งต่อให้กับคนไทยได้ใช้เป็นอาวุธเพื่อรับมือกับภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ”

 

ทางด้าน แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์ภาพรวมด้านสุขภาพจิตของคนไทยโดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้งานสื่อออนไลน์ที่ส่งผลต่อสุขภาวะดิจิทัลไว้อย่างน่าสนใจว่า “การอยู่รอดและมีสุขภาพดีหมายรวมถึงการมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีซึ่งวันนี้ยังมีคนไทยและเยาวชนมากมายที่เจอปัญหาภัยไซเบอร์และไม่สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม กรมสุขภาพจิตจึงมุ่งสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจถึงทักษะด้านดิจิทัล โดยเฉพาะ Digital Literacy พร้อมๆกับการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างการตระหนักรู้ เพราะวันนี้คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมาร่วมกันหยุดปัญหานี้เพื่อลดความสูญเสียทั้งต่อจิตใจ ชีวิตและทรัพย์สิน ด้วยการเสริมสร้างองค์ความรู้ที่จะอยู่รอดได้อย่างดีในโลกยุคดิจิทัลปัจจุบันก่อนที่จะแก้ไขไม่ทัน”

 

นอกเหนือจากการสร้างทักษะดิจิทัลที่ดีเพื่อรับมือกับปัญหาการกลั่นแกล้งการล้อเลียน การไซเบอร์บูลลี่ หรือปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาวะของผู้คนแล้วการมีความรู้ยังช่วยทำให้เราป้องกันภัยที่เกิดขึ้นจากกลุ่มมิจฉาชีพที่หวังใช้โอกาสจากเทคโนโลยีในการหลอกลวงจนนำไปสู่ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในที่สุดด้วย โดย พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า “การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ถือเป็นภารกิจหลักของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้ภารกิจนี้สำเร็จได้คือพี่น้องประชาชนต้องมีสติรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพ ผมเชื่อว่าถ้าเราร่วมกันสื่อสารและสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนมีสติรู้เท่าทันโดยต้อง ไม่เชื่อสรรพคุณอวดอ้างหรือการชักจูงในทุกรูปแบบ ไม่คุยกับสายที่ไม่มั่นใจไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว ไม่โอนเงินให้กับคนที่ไม่รู้จักผ่านการรับสายอย่างเด็ดขาดหากเข้าใจกระบวนการและวิธีการปฏิเสธได้ความรู้เหล่านี้จะเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีที่ทำให้เราปลอดภัยจากโลกไซเบอร์ได้”