เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร ได้จุดประกายให้บริษัทต่างๆ ในเมืองหลวงของไทยหันมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาคารสำนักงานมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายงานล่าสุดจากซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า ปัจจัยด้านความปลอดภัยได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจเช่าพื้นที่สำนักงาน ควบคู่ไปกับแรงกดดันจากอุปทานใหม่ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในตลาด
รายงานของซีบีอาร์อี ชี้ให้เห็นว่า แม้ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ไตรมาส 1 ปี 2568 จะยังคงเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากจำนวนอาคารใหม่ที่ทยอยเข้ามา แต่ยอดการเช่าสุทธิกลับเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารเกรด A+ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และอาคารเกรด A ทั้งในและนอก CBD ในทางตรงกันข้าม อาคารสำนักงานเกรด B กลับมียอดการเช่าสุทธิเป็นลบ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้เช่าที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยมากขึ้น
นางสาวโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการและวิจัยตลาด ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “เหตุการณ์แผ่นดินไหวได้เข้ามาเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดอาคารสำนักงานที่กำลังดำเนินอยู่ โดยความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารได้กลายเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ผู้เช่าทั้งปัจจุบันและผู้ที่กำลังมองหาพื้นที่ใหม่ให้ความสำคัญ”
ซีบีอาร์อี ได้ระบุถึง 3 ปัจจัยหลักที่ได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และส่งผลต่อตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน ได้แก่:
- ความปลอดภัยของโครงสร้าง: ผู้เช่าปัจจุบันให้ความสำคัญกับการได้รับความมั่นใจจากเจ้าของอาคารว่าได้มีการตรวจสอบโครงสร้างอย่างละเอียด และอาคารมีความปลอดภัยตามมาตรฐานของกรุงเทพมหานคร
- การสื่อสารที่มีคุณภาพและชัดเจน: ผู้เช่าคาดหวังให้เจ้าของอาคารมีการสื่อสารที่รวดเร็ว ทันที ชัดเจน และครอบคลุมถึงมาตรการความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงคู่มือปฏิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
- ความต้องการพื้นที่และข้อกำหนดใหม่: บริษัทบางแห่งที่กำลังมองหาสำนักงานใหม่เริ่มพิจารณาอาคารโลว์ไรส์ หรือพื้นที่ในชั้นล่างของอาคารสูงมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่พิจารณาการย้ายออกจากอาคารเก่าที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
นางสาวมณีรัตน์ วิจิตร รัตนะ ผู้อำนวยการอาวุโส แผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว บริษัทที่กำลังมองหาสำนักงานใหม่บางแห่งได้เปลี่ยนความต้องการไปที่อาคารแบบโลว์ไรส์ หรือชั้นล่างๆ ของอาคารสูง นอกจากนี้ เรายังเห็นบริษัทจำนวนมากขึ้นพิจารณาที่จะย้ายออกจากอาคารเก่าบางแห่งที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว แม้ว่าธุรกรรมการเช่าสำนักงานบางส่วนจะยังคงดำเนินต่อไป แต่บางส่วนก็ล่าช้าออกไปเนื่องจากบริษัทต่างๆ ต้องการความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจากเจ้าของอาคารใหม่”
ถึงแม้ว่าอาคารสำนักงานส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและทนทานของโครงสร้าง แต่ซีบีอาร์อี มองว่า เจ้าของอาคารที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย มีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการซ่อมแซมที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว จะสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับอาคารของตนเองในตลาดได้ ในทางตรงกันข้าม อาคารที่ไม่สามารถให้ความมั่นใจแก่ผู้เช่าได้ดีพอ อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่ผู้เช่าจะพิจารณาย้ายออก
นายนิโคลัส เว็ทเทวิงเคล ผู้อำนวยการอาวุโส แผนกที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการและวิจัยตลาด และผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ด้านสินทรัพย์ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “เมื่อ ‘ความปลอดภัย’ กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะสื่อถึง ‘คุณภาพ’ เราคาดว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้แนวโน้ม ‘การย้ายสำนักงานไปสู่อาคารคุณภาพสูง’ ในตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังจะกระตุ้นให้เจ้าของอาคารเก่าที่สร้างมานานแล้วต้องพิจารณากลยุทธ์ทางเลือกสำหรับสินทรัพย์ของตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
จากสถานการณ์ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่า ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ จะมีการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยอาคารที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยและคุณภาพของผู้เช่าได้ จะเป็นผู้ที่ได้รับความสนใจและมีโอกาสในการเติบโตในระยะยาว