สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย ร่วมกับสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย, สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดงานสัมมนาครั้งสำคัญภายใต้หัวข้อ “มหันตภัยโรคใบด่าง วิกฤตมันสำปะหลังไทย…ไม่มีทางรอด” เพื่อระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการหาทางออกและแนวทางในการแก้ไขปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงทั่วประเทศ
ในงานสัมมนาครั้งนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยกล่าวย้ำถึงความสำคัญของปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
นายธำรงค์เดช อินทนิเวศน์ อุปนายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวว่า โรคใบด่างมันสำปะหลังเกิดจากเชื้อไวรัส Cassava mosaic virus (CMV) ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ทั้งจากการใช้ท่อนพันธุ์ที่ติดเชื้อและการแพร่ระบาดผ่านแมลงหวี่ขาวยาสูบ โรคนี้ทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก เกษตรกรต้องเผชิญกับความสูญเสียถึง 10-40% ของผลผลิต ซึ่งหากไม่มีมาตรการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้การส่งออกและอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง มูลค่าความเสียหายที่คาดการณ์อาจสูงถึง 100,000 ล้านบาทต่อปี
แม้จะมีการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังตั้งแต่ปี 2562-2564 โดยการกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคและการส่งเสริมการใช้พันธุ์ทนทานในพื้นที่ที่เกิดการระบาด แต่การสำรวจล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2567 พบว่าโรคใบด่างยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่สำคัญ เช่น ชลบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครราชสีมา สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ อุดรธานี ลพบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และกาญจนบุรี แสดงถึงความเร่งด่วนในการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนั้น ในงานสัมมนายังมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาเข้าร่วมให้ข้อมูลและเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยเน้นการใช้พันธุ์ต้านทาน การควบคุมแมลงหวี่ขาวยาสูบ ซึ่งเป็นพาหะในการแพร่กระจายโรคใบด่าง รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการระบาดของโรคในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง
งานสัมมนานี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง เพื่อร่วมกันหามาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคใบด่างให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยจะยังคงสามารถเติบโตได้ต่อไป และไม่เกิดความเสียหายที่รุนแรงไปกว่านี้