เตือนภัย! มิจฉาชีพหลากหลายรูปแบบระบาดหนัก หลอกลวงประชาชนสูญเงินกว่า 22 ล้านบาทในหนึ่งสัปดาห์

เตือนภัย! มิจฉาชีพหลากหลายรูปแบบระบาดหนัก หลอกลวงประชาชนสูญเงินกว่า 22 ล้านบาทในหนึ่งสัปดาห์
Share

ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ออกมาเปิดเผยถึงภัยคุกคามจากมิจฉาชีพที่กำลังแพร่หลาย พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังพบเคสตัวอย่างที่สร้างความเสียหายรวมเกือบ 22 ล้านบาท ภายในช่วงวันที่ 23 – 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมิจฉาชีพใช้กลอุบายหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปจนถึงการหลอกลวงให้ลงทุน หรือทำงานหารายได้พิเศษ

นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า หนึ่งในคดีที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือ คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) โดยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ AIS แจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และโอนสายไปยังผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งข่มขู่ให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชี มิฉะนั้นจะถูกอายัดบัญชีและแจ้งข้อหาเพิ่ม ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปจนหมดกว่า 10.4 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีเคสที่น่าเป็นห่วงอื่นๆ ดังนี้:

  • หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์: มิจฉาชีพชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้นน้ำมันผ่าน Facebook โดยช่วงแรกสามารถถอนเงินได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินไปกว่า 3.9 ล้านบาท
  • หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น ๆ (กรณีแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย): ผู้เสียหายถูกติดต่อทางโทรศัพท์ โดยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยมหิดล หลอกให้เพิ่มเพื่อนทาง Line และสแกนใบหน้าเข้าใช้งานแอปพลิเคชันของธนาคาร ทำให้เงินในบัญชีถูกโอนออกไปจนหมด สูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท
  • หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น ๆ (กรณีหลอกลงทุนจากการแจกสินค้า): ผู้เสียหายพบโฆษณาแจกสินค้าตัวอย่างฟรีผ่าน Facebook และถูกชักชวนให้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทน ช่วงแรกได้รับเงินจริง แต่เมื่อลงทุนเพิ่มขึ้นกลับไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินกว่า 3.5 ล้านบาท
  • หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ: มิจฉาชีพชักชวนให้ทำงานหารายได้พิเศษโดยลงทุนขายสินค้าออนไลน์ผ่าน TikTok ช่วงแรกได้รับค่าคอมมิชชันจริง แต่เมื่อลงทุนเพิ่มขึ้นก็ไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินกว่า 2.7 ล้านบาท

สถิติจากศูนย์ AOC 1441: ภาพรวมความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์

จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 27 มิถุนายน 2568 ศูนย์ AOC 1441 ได้รับสายโทรเข้ากว่า 1.8 ล้านสาย และสามารถระงับบัญชีธนาคารได้แล้วกว่า 7.3 แสนบัญชี โดย 5 อันดับแรกของประเภทคดีที่มีการระงับบัญชีสูงสุด ได้แก่:

  1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (31.60%)
  2. หลอกลวงหารายได้พิเศษ (23.02%)
  3. หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล (14.20%)
  4. หลอกลวงลงทุน (13.93%)
  5. หลอกลวงให้กู้เงิน (7.11%)

ดีอีเน้นย้ำ: หลัก 4 ไม่ ป้องกันภัยมิจฉาชีพ

นางสาววงศ์อะเคื้อ ย้ำเตือนประชาชนว่า หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์กรต่างๆ หรือหน่วยงานราชการ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดเสมอ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่มีการติดต่อกับประชาชนโดยตรง หรือผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการขอให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ไม่ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือกดลิงก์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา และควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ

เพื่อความปลอดภัย กระทรวงดีอีขอให้ประชาชนยึดหลัก “4 ไม่” ก่อนทำธุรกรรมใด ๆ:

  1. ไม่กดลิงก์: หลีกเลี่ยงการกดลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด/อัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่น่าเชื่อถือ
  2. ไม่เชื่อ: อย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้างของมิจฉาชีพที่มักจะใช้กลอุบายต่างๆ มาหลอกลวง
  3. ไม่รีบ: ใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำธุรกรรม
  4. ไม่โอน: ไม่โอนเงินตามคำสั่งของบุคคลที่ไม่รู้จัก หรือเมื่อรู้สึกไม่มั่นใจในความถูกต้องของข้อมูล

กระทรวงดีอียังคงเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างยั่งยืน

หากท่านตกเป็นเหยื่อ หรือสงสัยว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอกลวง สามารถโทรแจ้งได้ที่ สายด่วน AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อขอคำปรึกษาและดำเนินการระงับบัญชีได้อย่างทันท่วงที

ดีป้า ปฏิวัติการพัฒนาคนไทย ปั้น “Digital Skill Roadmap”ดึง Global Tech สร้างคนดิจิทัล 1 ล้านคนต่อปี