กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้าเต็มกำลังผลักดันหน่วยงานภาครัฐสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยการเร่งขยายการใช้งานระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Office) ภายใต้ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ทั่วประเทศ เผยผลงานโดดเด่นเพียง 5 เดือนแรกของปี 2568 มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 610,000 ราย ตอกย้ำความมุ่งมั่นยกระดับบริการประชาชน ลดขั้นตอน ลดกระดาษ มุ่งสู่เป้าหมาย “รัฐบาลดิจิทัล” อย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอี ได้ลงพื้นที่เทศบาลนครพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินนโยบายการปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเฉพาะการยกระดับการใช้ระบบงานเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ในระบบ e-Office
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าวย้ำถึงความสำคัญของระบบ e-Office ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเอกสารและระบบงานภายในองค์กรภาครัฐ รวมถึงยกระดับการให้บริการประชาชนให้สะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ไม่จำเป็น และที่สำคัญคือลดการใช้กระดาษ ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “Paperless Government” อย่างเต็มรูปแบบ
“กระทรวงดีอีได้กำหนดเป้าหมายผู้ใช้งานระบบ e-Office ของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี 2568 ไว้ที่ 1,000,000 Users ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบแนวทางการขับเคลื่อนภาครัฐผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลแบบไร้กระดาษ สู่รัฐบาลดิจิทัล” ปลัดกระทรวงดีอีกล่าว
กลไกขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัล: ครอบคลุมทั้งส่วนกลางและภูมิภาค
การขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัลของดีอี แบ่งออกเป็น 2 กลไกหลัก คือ:
-
กลไกส่วนภูมิภาค:
- กำหนดให้โครงการ “Digital Korat: The Future Starts now – โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต” จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดต้นแบบในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการภาครัฐในส่วนภูมิภาค ก่อนขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ อาทิ ปทุมธานี, ชลบุรี, สมุทรสงคราม, อุดรธานี, นครศรีธรรมราช โดยมอบหมายให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สำนักงานสถิติจังหวัด) เป็นผู้ประสานงานหลัก
- สำหรับ จังหวัดพิษณุโลก เองก็มีพัฒนาการที่น่าจับตา โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเริ่มใช้งานระบบ e-Office ไปแล้วถึง 57 แห่ง คิดเป็นผู้ใช้งาน 1,046 Users หรือ 55.3% ของหน่วยงานภายในจังหวัด และกำลังเร่งขยายผลให้ครอบคลุมหน่วยงานราชการทั้งหมด
-
กลไกส่วนกลาง:
- กระทรวงดีอีได้ร่วมขับเคลื่อนระบบ e-Office ในระดับกระทรวงและหน่วยงานราชการส่วนกลาง โดยมีการลงนาม MOU ความร่วมมือการใช้งานเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ในระบบ e-Office ภายใต้บริการคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC กับหน่วยงานสำคัญหลายแห่ง อาทิ กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ, สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, สำนักงานศาลยุติธรรม และล่าสุดคือกระทรวงคมนาคม
ผลงาน 5 เดือนแรก: ก้าวสู่สังคมไทยไร้กระดาษ
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอี เปิดเผยตัวเลขที่น่าสนใจว่า ในช่วงระยะเวลาเพียง 5 เดือนแรกของปี 2568 กระทรวงดีอีได้สนับสนุนการใช้งานระบบ e-Office ในหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศไปแล้วกว่า 70 หน่วยงาน มีจำนวนผู้ใช้งานแล้วราว 610,000 Users และกำลังขยายการใช้งานในหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการองค์กรและบริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล และก้าวสู่การเป็น “สังคมไทยไร้กระดาษ” ในอนาคต
กระทรวงดีอีเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น และสถานศึกษาของรัฐ ที่สนใจเข้าร่วม สามารถขอรับการสนับสนุนการใช้งานระบบ e-Office ภายใต้บริการคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC พร้อมทั้งรับ CA (Certification Authority) สำหรับผู้มีอำนาจลงนามหนังสือภายนอกได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mdes.go.th
ความคืบหน้าครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสำเร็จในการผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัล แต่ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของกระทรวงดีอีในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุค 4.0 อย่างแท้จริง