กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เร่งเดินหน้าบูรณาการองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหว โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนงบประมาณจากกองทุน ววน. เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ถอดบทเรียนแผ่นดินไหว พัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่ปลอดภัย
กระทรวง อว. ร่วมกับ สกสว. และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเวทีเสวนา “ก้าวข้ามธรณีพิโรธ: นวัตกรรม ววน. พลิกเกมภัยแผ่นดินไหว เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของไทย” เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและนำเสนอเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้รับมือภัยพิบัติ โดยมี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. และคณะผู้บริหาร ร่วมนำเสนอแนวทางพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กระทรวง อว. ได้เร่งระดมทรัพยากรและเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น การส่งหุ่นยนต์ iRAP Robot ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และหุ่นยนต์ D-EMPIR V.4 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เข้าไปช่วยค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ ยังมีการนำแพลตฟอร์ม Traffy Fondue มาใช้เป็นศูนย์กลางการแจ้งเหตุและประเมินความเสี่ยง ขณะที่ GISTDA ได้นำภาพถ่ายดาวเทียม THEOS-2 มาวิเคราะห์ความเสียหายเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนงบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีรับมือภัยพิบัติ
กองทุน ววน. ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติแผ่นดินไหว โดยเฉพาะใน 4 โครงการสำคัญ ได้แก่
-
InSpectra-01 ระบบ AI สำหรับตรวจจับและวัดขนาดรอยร้าวในโครงสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินความเสียหาย
-
เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด ลดต้นทุนจากหลักแสนเหลือหลักหมื่น ทำให้สามารถติดตั้งได้อย่างแพร่หลาย
-
หุ่นยนต์ D-EMPIR V.4 สำหรับภารกิจค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่เสี่ยง
-
แพลตฟอร์ม Traffy Fondue ที่ช่วยให้ประชาชนแจ้งเหตุได้อย่างรวดเร็ว พร้อมส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ
มุ่งสู่การรับมือภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ
กระทรวง อว. ได้กำหนดยุทธศาสตร์การรับมือภัยพิบัติใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
-
พัฒนาระบบเตือนภัย ครอบคลุมแผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วม และภัยแล้ง
-
เสริมการจัดการภัยพิบัติ สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
-
สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกอบรมให้ประชาชนมีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
ความร่วมมือระหว่างประเทศ ยกระดับความพร้อมของไทย
ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ระบุว่า ประเทศไทยได้ร่วมมือกับนานาชาติ เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการเตือนภัยและการบริหารจัดการแผ่นดินไหว โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงการบูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างระบบเตือนภัยที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ
การขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อรับมือภัยพิบัติครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของกระทรวง อว. ในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต