ไทย-กัมพูชา จับมือยกระดับปราบ “โจรออนไลน์” ดีอีเร่งเครื่อง “สร้างคน” รับมือยุค AI

ไทย-กัมพูชา จับมือยกระดับปราบ "โจรออนไลน์"! ดีอีเร่งเครื่อง "สร้างคน" รับมือยุค AI
Share

รัฐบาลไทยและกัมพูชาเตรียมยกระดับความร่วมมือครั้งสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่กำลังระบาดหนัก โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา (Joint Cabinet Retreat – JCR) ณ จังหวัดสระแก้ว ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงดีอีว่า การประชุม JCR นี้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยมีวาระสำคัญคือการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ รวมถึงประเด็นด้านมาตรการป้องกัน PM 2.5 และการปราบปรามยาเสพติด

“เป้าหมายหลักของการประชุม JCR คือการยกระดับการทำงานร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำความเข้าใจในธุรกิจของผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่มีการให้เช่าสัญญาณอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับการตรวจสอบและเฝ้าระวังคู่สัญญาที่อาจกระทำผิดกฎหมาย” นายประเสริฐกล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงดีอี ยังได้รับมอบหมายให้สำรวจผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาต่อภาคเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย รวมถึงศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษี Digital Services Tax สำหรับแพลตฟอร์ม OTT เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

ในส่วนของการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI ที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน นายประเสริฐย้ำว่า กระทรวงดีอีมีนโยบายชัดเจนในการ “สร้างคน” ให้มีความรู้ความสามารถและพร้อมรับมือกับยุค AI โดยจะมีการพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการเรียนรู้ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในด้านต่างๆ อย่างสอดคล้องกับแนวทางของบอร์ด AI แห่งชาติ

“เราให้ความสำคัญกับการสร้างกำลังคนตั้งแต่ระดับเยาวชนไปจนถึงประชาชนทั่วไป โดยมีเป้าหมายที่จะบรรจุหลักสูตรการเรียนรู้ AI ในระบบการศึกษาและการฝึกอบรมต่างๆ เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในอนาคต” รองนายกฯ ประเสริฐ กล่าวเสริม

สำหรับการดำเนินการอื่นๆ ที่มีความคืบหน้า ได้แก่ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568

ขณะเดียวกัน โครงการสำมะโนประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติก็กำลังดำเนินการไปด้วยดี โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการตอบแบบสอบถามผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และเว็บไซต์สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นอย่างน่าพอใจ

การประชุมผู้บริหารกระทรวงดีอีในครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการวางรากฐานการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลและเทคโนโลยี AI ที่กำลังจะมาถึงอย่างเต็มรูปแบบ

เตือนภัย! มิจฉาชีพออนไลน์รูปแบบใหม่ ลวงสแกนใบหน้าดูดเงินเหยื่อ สูญกว่า 15 ล้านบาท ใน 7 วัน!