ฟิลิปส์ผนึกกำลัง ม.อ.-ม.ช. ยกระดับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ หวังลดอัตราเสียชีวิตจากภัยเงียบใกล้ตัว

ฟิลิปส์ผนึกกำลัง ม.อ.-ม.ช. ยกระดับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ! หวังลดอัตราเสียชีวิตจากภัยเงียบใกล้ตัว
Share

ฟิลิปส์ (Philips) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสุขภาพ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ล่าสุดได้ผนึกกำลังครั้งสำคัญกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ม.ช.) จัดงานประชุมวิชาการ “CMU-PSU Abdominal Radiology Collaboration Meeting 2025” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการด้านรังสีวิทยาในช่องท้อง แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการตรวจวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคมะเร็งตับ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสุขภาพคนไทยที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มะเร็งตับ: ภัยร้ายอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตคนไทย

สถานการณ์โรคมะเร็งตับในประเทศไทยน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ พบว่า โรคมะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดในประเทศไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับสูงถึงกว่า 16,000 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ ทั้งหมด มะเร็งตับเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ตับจนกลายเป็นเนื้องอกร้าย หรือที่เรียกว่า มะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular Carcinoma)

สาเหตุหลักของโรคมะเร็งตับมีความหลากหลาย เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรัง การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจนนำไปสู่ภาวะตับแข็ง ภาวะโรคอ้วนและไขมันพอกตับ การอักเสบของตับจากภาวะแพ้ภูมิตนเอง และโรคตับคั่งน้ำดี สิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการใดๆ ที่ชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยมักล่าช้าและตรวจพบเมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว ซึ่งจะแสดงอาการเช่น ปวดจุกบริเวณชายโครงขวาหรือช่องท้องส่วนบน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องโต ขาบวม ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม ตาและตัวเหลือง หรือภาวะดีซ่าน

ความท้าทายในการวินิจฉัยและการรณรงค์ให้ตรวจคัดกรอง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวุฒ ทับทวี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวินิจฉัยช่องท้อง จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในภาคใต้ว่า พบอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการศึกษาคาดการณ์ว่าอุบัติการณ์ของมะเร็งตับในจังหวัดสงขลาจะเพิ่มขึ้น โดยในเพศชายจะพบมะเร็งเซลล์ตับประมาณ 6.7 คนต่อแสนคน และมะเร็งทางเดินน้ำดีประมาณ 9.4 คนต่อแสนคนในปี 2030 ส่วนในเพศหญิง จะพบมะเร็งเซลล์ตับประมาณ 1.5 คนต่อแสนคน และมะเร็งทางเดินน้ำดีประมาณ 3.9 คนต่อแสนคน

ปัญหาสำคัญคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มาตรวจมักอยู่ในระยะลุกลาม เนื่องจากอาการยังไม่ชัดเจนในระยะแรก ทำให้เนื้องอกมีขนาดใหญ่และยากต่อการรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก ผศ.นพ. ธีระวุฒ จึงเน้นย้ำความสำคัญของการ รณรงค์ให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง หรือผู้สูงอายุ เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน การตรวจคัดกรองมะเร็งตับสามารถทำได้ด้วยการ ทำอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน ควบคู่กับการตรวจเลือดวัดระดับสารบ่งชี้มะเร็งตับ (alfa-fetoprotein: AFP) หากพบความผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาส่งตรวจภาพรังสีวินิจฉัยของตับเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed Tomography: CT) หรือ ภาพเสียงสะท้อนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) เพื่อให้การวินิจฉัยที่แม่นยำ และในบางกรณีอาจต้องมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา การวินิจฉัยโรคได้เร็วตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อาการจะลุกลาม จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาได้อีกด้วย

การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการกระจายการเข้าถึง

ผศ.นพ. ธีระวุฒ ได้กล่าวเสริมถึงเป้าหมายของการจัดงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ว่า มุ่งหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านรังสีวิทยาช่องท้องกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้กลับไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและการวินิจฉัยผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากความชุกของโรคแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน การประชุมเช่นนี้จึงเป็นโอกาสดีในการแบ่งปันข้อมูลและกรณีศึกษาที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่โรคมะเร็งตับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคในช่องท้องอื่นๆ เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งไต

นอกจากนี้ ความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังมีเป้าหมายสำคัญในการ กระจายความรู้ด้านการคัดกรองผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น ไปยังหน่วยพยาบาลปฐมภูมิและทุติยภูมิทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งแม้หน่วยงานเหล่านี้อาจไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่บุคลากรก็ยังสามารถตรวจคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นได้ด้วยการเจาะเลือดและทำอัลตราซาวด์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งตับได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และส่งต่อเพื่อการรักษาที่เหมาะสมได้ทันท่วงที

ฟิลิปส์: พันธมิตรผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมระบบสาธารณสุข

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเน้นย้ำถึงบทบาทของฟิลิปส์ในการสนับสนุนระบบสาธารณสุขว่า “ฟิลิปส์มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound), เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และเครื่องตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของฟิลิปส์ที่ช่วยให้ได้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น ลดการใช้สารทึบสี และที่สำคัญคือการนำเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค”

“ในฐานะผู้นำตลาดด้านเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัย ฟิลิปส์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการ และการส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ไปพร้อมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขในการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วย และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการเพิ่มการเข้าถึงระบบสาธารณสุขให้กับผู้ป่วยทุกคน เพื่อให้ผลลัพธ์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายวิโรจน์กล่าวเสริม

การป้องกันคือหัวใจสำคัญของสุขภาพที่ดี

แม้การตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคแต่เนิ่นๆ จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หลักปฏิบัติง่ายๆ เพื่อสุขภาพที่ดี ได้แก่:

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด และอาหารหวานจัด เพื่อลดความเสี่ยงโรคอ้วนและไขมันพอกตับ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง
  • เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังและค้นหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
  • ปรึกษาแพทย์ทันที หากพบความผิดปกติใดๆ ในร่างกาย

ด้วยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคลากรทางการแพทย์ ควบคู่ไปกับการใส่ใจสุขภาพของตนเองอย่างจริงจัง เราทุกคนสามารถร่วมกันลดอัตราการเกิดโรคและความรุนแรงของมะเร็งตับ รวมถึงโรคอื่นๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทั้งประเทศ

ซิลลิค ฟาร์มา ทุ่ม 130 ล้านบาท! ผงาดผู้นำโลจิสติกส์ยา ยกระดับสาธารณสุขไทยสู่สากล