“ภัยเงียบ” คุกคามคนไทย! ป่วยโรคกระดูกและข้อพุ่งสูง แพทย์ชี้ “พฤติกรรม” เร่งเสื่อมก่อนวัย

"ภัยเงียบ" คุกคามคนไทย! ป่วยโรคกระดูกและข้อพุ่งสูง
Share

น่าตกใจ! โรงพยาบาลเอส สไปน์ ออกโรงเตือนคนไทยให้ตระหนักถึงมหันตภัยเงียบที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัว นั่นคือ โรคกระดูกและข้อเสื่อม ที่ปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในผู้สูงอายุอีกต่อไป แต่กลับพบผู้ป่วยใน วัยทำงานและวัยกลางคน เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยมีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นตัวเร่งสำคัญ

จากสถิติสุดช็อกของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกของไทยแห่งนี้ พบว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคน ที่น่าเป็นห่วงคือ ปัญหาการเสื่อมไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณหลังส่วนล่างเหมือนในอดีต แต่ยังลุกลามไปยัง กระดูกสันหลังส่วนคอและข้อกระดูก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัดว่า สัมพันธ์โดยตรงกับ “พฤติกรรม” ของคนในยุคปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แพทย์ชี้ 5 พฤติกรรม “ทำร้ายกระดูก” โดยไม่รู้ตัว:

  1. นั่งแช่นานเกินไป: การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมงโดยไม่ลุกขยับ ทำให้กล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังอ่อนแอ แรงกดที่หมอนรองกระดูกเพิ่มขึ้น แถมท่านั่งหลังค่อม ไหล่ห่อ ยังเป็นตัวเร่งให้กระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้น
  2. ยกของผิดท่า: การก้มยกของหนักด้วยหลัง แทนที่จะใช้กำลังขา เป็นสาเหตุหลักของหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกดทับเส้นประสาท การยกของที่ถูกวิธีคือการย่อตัว งอเข่า และยกด้วยขา โดยให้หลังตรง
  3. แรงกระแทกสะสม: กิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งรถโช๊คอัพไม่ดี หรือนั่งเรือเร็วที่มีแรงกระแทกสูง อาจส่งผลให้ข้อต่อได้รับแรงสะสมโดยไม่รู้ตัว เร่งให้เกิดภาวะกระดูกเสื่อมก่อนวัย
  4. นั่งท่าพิสดาร: การนั่งพับเพียบ ขัดสมาธิ หรือคุกเข่า เป็นท่านั่งที่เพิ่มแรงกดบนข้อเข่ามากกว่าปกติ เสี่ยงต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
  5. ติด “Text Neck”: การก้มหน้าจ้องสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ทำให้กระดูกคอต้องรับน้ำหนักศีรษะมากกว่าปกติหลายเท่า นำไปสู่ภาวะ “Text Neck Syndrome” หรือกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย

"ภัยเงียบ" คุกคามคนไทย! ป่วยโรคกระดูกและข้อพุ่งสูง

ป้องกันก่อนสาย! ปรับพฤติกรรม ลดเสี่ยง “ภัยเงียบ”

อย่างไรก็ตาม แพทย์โรงพยาบาลเอส สไปน์ ย้ำว่า โรคกระดูกสันหลังสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้! ด้วยการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ควบคุมน้ำหนักตัว, รับประทานอาหารบำรุงกระดูก, และ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ต่างๆ

หากปรับพฤติกรรมแล้วยังมีอาการปวดเรื้อรัง การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีทั้งการรักษาแบบ ไม่ผ่าตัด (กายภาพบำบัด, ยา) และ การรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งโรงพยาบาลเอส สไปน์ มีเทคโนโลยี MIS (Minimally Invasive Spine Surgery) การผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก ช่วยลดการบาดเจ็บ ฟื้นตัวเร็ว

เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โรงพยาบาลเอส สไปน์ เตรียมขยายการให้บริการ โดยจะเปิด โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ แห่งใหม่ ที่ยังคงเน้นทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การรักษาครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคนต้องตระหนักถึง “ภัยเงียบ” ของโรคกระดูกและข้อเสื่อม อย่าประมาทกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพราะการดูแลกระดูกและข้อตั้งแต่วันนี้ คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว และป้องกันภาวะเสื่อมก่อนวัยอันควร