หลี่ เผิง รองประธานอาวุโสและประธานฝ่ายขายและบริการไอซีทีของ หัวเว่ยเผย AI และ 5G-Advanced (5G-A) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผู้ให้บริการโทรคมนาคมปลดล็อกศักยภาพเครือข่าย เพิ่มปริมาณการใช้ข้อมูล (DOU) และรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้มือถือ (ARPU) ในอัตราสองหลัก พร้อมแนะให้เร่งลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับบริการ AI ที่หลากหลาย
AI พลิกโฉมเครือข่าย 5G หนุนแอปอัจฉริยะ
หลี่ชี้ให้เห็นว่า AI กำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนโต้ตอบกับอุปกรณ์ โดยแอปพลิเคชันอัจฉริยะ เช่น AI Assistant, Cloud Phone และ AI Avatar กำลังได้รับความนิยมและต้องการเครือข่ายที่ตอบสนองรวดเร็วแบบเรียลไทม์ ซึ่งเครือข่าย 5G-A จะเป็นกุญแจสำคัญในการรองรับบริการเหล่านี้
AI-Generated Content (AIGC) เร่งการเติบโตของแบนด์วิดท์
AI ไม่เพียงแต่ปรับปรุงการใช้งานทั่วไป แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อปริมาณการใช้เครือข่าย โดยเฉพาะ AIGC ที่ช่วยสร้างคอนเทนต์ 2D และ 3D ความยาวเป็นชั่วโมงได้ในคลิกเดียว รวมถึงระบบแนะนำเนื้อหาอัจฉริยะที่แม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้งานเครือข่ายเพิ่มขึ้นมหาศาลในอีก 5 ปีข้างหน้า ผู้ให้บริการจึงต้องเร่งขยายแบนด์วิดท์ทั้งขาขึ้นและขาลงเพื่อรองรับแนวโน้มนี้
เครือข่ายยุคใหม่ เน้นประสบการณ์ผู้ใช้เป็นหลัก
นอกจากการรองรับอุปกรณ์พกพาและคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เครือข่ายยังต้องครอบคลุมพื้นที่ใช้งานที่หลากหลาย เช่น เมือง ทางหลวง และชนบท เพื่อสนับสนุน AI Mobility ในภาคยานยนต์ และให้บริการอัจฉริยะที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
O&M อัจฉริยะ ใช้ AI จัดการเครือข่ายแบบเรียลไทม์
AI ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญใน การบริหารจัดการเครือข่าย (O&M) โดยช่วย คาดการณ์ความต้องการของผู้ใช้ ตรวจจับปัญหา และแก้ไขเครือข่ายได้ภายในไม่กี่วินาที ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 30%
5G-A เปิดทางสู่รายได้ใหม่ในยุค AI
หลี่เผยว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการกำลังสำรวจแนวทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ เช่น คิดค่าบริการตามประสบการณ์ใช้งาน แทนที่จะพึ่งพาค่าบริการตามปริมาณข้อมูลเพียงอย่างเดียว บางรายเริ่มขยายไปสู่ B2B2C ผ่าน Open API เช่น AI New Calling ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้จากลูกค้าองค์กรถึง 10 เท่า
หัวเว่ยร่วมจัดแสดงโซลูชันล่าสุดที่งาน MWC Barcelona 2025 ระหว่างวันที่ 3-6 มีนาคม 2568 ณ Fira Gran Via Hall 1 บูธ 1H50 โดยย้ำถึง บทบาทสำคัญของ AI และ 5G-A ที่จะช่วยผู้ให้บริการปรับโครงสร้างธุรกิจและขับเคลื่อนโลกอัจฉริยะ