ปวดหลัง-ปวดคอเรื้อรัง: สัญญาณอันตรายที่อาจไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม แพทย์เตือนอย่านิ่งนอนใจ อาจเสี่ยง “โรคกระดูกสันหลัง”

ปวดหลัง-ปวดคอเรื้อรัง: สัญญาณอันตรายที่อาจไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม! แพทย์เตือนอย่านิ่งนอนใจ อาจเสี่ยง "โรคกระดูกสันหลัง"
Share

ในยุคที่ชีวิตประจำวันผูกติดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟน อาการปวดหลังและปวดต้นคอได้กลายเป็นเรื่องปกติที่หลายคนมองข้ามไป แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกลับเตือนว่า อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ “ออฟฟิศซินโดรม” ธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนสำคัญของ “โรคกระดูกสันหลัง” ที่หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงและสูญเสียศักยภาพในการใช้ชีวิต

จุดเสี่ยงที่ต้องระวัง: เมื่อความปวดบอกเล่าเรื่องราวของกระดูกสันหลัง

นายแพทย์ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ เผยว่า อาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอร้าวลงแขน หรือปวดหลังร้าวลงขา อาจเป็นผลมาจากความผิดปกติของหมอนรองกระดูก หรือการกดทับเส้นประสาท ซึ่งหากละเลยไปนานโดยไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัย อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้น กล้ามเนื้ออ่อนแรง และ สูญเสียความสามารถในการใช้งาน ในระยะยาว

โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การนั่งทำงานท่าเดิมนานๆ, การยกของหนักผิดวิธี, การออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง, หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่มีความเสื่อมของกระดูกตามวัย ควรตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้เป็นพิเศษ

สัญญาณอันตราย: เมื่อไหร่ที่คุณควรรีบพบแพทย์?

คุณหมอศรัณย์เน้นย้ำถึงสัญญาณที่ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว:

  • ปวดร้าวลงแขนหรือขา
  • มีอาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ปวดหลังเวลานั่งหรือเดินนาน
  • มีอาการปวดมากขึ้นตอนกลางคืน

หากคุณมีอาการปวดหลังร้าวลงสะโพกหรือขา เดินไกลหรือยืนนานแล้วขาอ่อนแรง จนต้องนั่งพักก่อนจึงจะเดินต่อได้ นี่คือสัญญาณของภาวะ โพรงไขสันหลังตีบแคบ หรือ หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทบริเวณเอว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ไม่จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น

“เอาหินออกจากหญ้า”: ทำไมการรักษาที่ทันท่วงทีจึงสำคัญ?

นายแพทย์ศรัณย์เปรียบเทียบการรักษาภาวะเส้นประสาทถูกกดทับว่า เหมือนกับการ “เอาหินออกจากหญ้า” เพื่อให้หญ้ามีโอกาสฟื้นตัว แต่หากหญ้าถูกทับนานจนแห้งเหี่ยวไปแล้ว แม้จะเอาหินออกก็อาจไม่กลับมาเขียวสดดังเดิม เช่นเดียวกับเส้นประสาทในร่างกายที่เมื่อเสียหายแล้วไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ การวินิจฉัยที่รวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันความเสียหายถาวรที่เส้นประสาทอาจฟื้นตัวได้ยากหรือไม่สมบูรณ์ 100%

การซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดเป็นหัวใจสำคัญในการแยกแยะว่าอาการปวดเกิดจากกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือความเสื่อม เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม หากมีอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรง การใช้แค่ยาแก้ปวดหรือกายภาพบำบัดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องพิจารณาแนวทางที่ตรงจุดมากขึ้น

ป้องกันดีกว่าแก้: ดูแลหลังและคอวันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในวันหน้า

สำหรับผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ที่มีอาการจากกล้ามเนื้อหรือความเสื่อมของกระดูกสันหลัง หากไม่มีการกดทับเส้นประสาทร่วมด้วย ก็สามารถรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ เช่น การ ควบคุมน้ำหนัก การทำ กายภาพบำบัด การ ปรับพฤติกรรมการใช้งาน และการ เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและคอให้แข็งแรงขึ้น ถึงแม้ความเสื่อมจะย้อนคืนไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดีใกล้เคียงปกติอีกครั้ง

วิธีป้องกันง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ทันทีคือ:

  • จัดท่านั่งให้ถูกต้อง ระหว่างทำงาน
  • ลุกเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30-60 นาที
  • ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัวอย่างสม่ำเสมอ

อย่ารอจนอาการปวดเรื้อรัง! เพราะ “หลังและคอ” คือแกนสำคัญของร่างกาย หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อป้องกันโรคร้ายก่อนสายเกินไป โรงพยาบาลเอส สไปน์ พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

Philips เผยผลสำรวจ AI คือทางออกเร่งด่วนแก่วิกฤตสาธารณสุขในเอเชียแปซิฟิก หลังผู้ป่วยเผชิญการรอคอยกว่า 47 วัน